กรุงเทพฯ 7 มิ.ย.- ตม.แถลงจับมาม่าซัง ชาวอุซเบกีสถาน หนีหมายแดงเข้ามากบดานในไทยนาน 7 ปี และคดีปลอมแปลงเอกสาร eTA ซึ่งเป็นเอกสารสำหรับผู้ที่มีสัญชาติที่ไม่ต้องขอวีซ่าจากสถานทูต
พลตำรวจโทสมพงษ์ ชิงดวง รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แถลงผลจับกุมชาวต่างชาติคดีสำคัญหลายคดี โดยคดีแรกจับกุมมาม่าซัง ชาวอุซเบกีสถาน คือนางซาโยร่า เมลิโคว่า อายุ 62 ปี ซึ่งเป็นแม่เล้าที่อยู่ในประเทศไทย มีหน้าที่จัดหาและรับหญิงสาวอุซเบกีสถานมาค้าประเวณีในประเทศไทย โดยตำรวจอุซเบกีสถานเข้าทลายแหล่งค้าประเวณีเครือข่ายของนางซาโยร่าที่เมืองทางตอนใต้ของประเทศอุซเบกีสถาน เมื่อปี 2554 และต่อมาตำรวจสากลอุซเบกีสถานได้ออกประกาศจับหมายแดงนางซาโยร่า ในความผิดฐาน ค้ามนุษย์ เป็นธุระจัดหาซึ่งการค้าประเวณี กักขังหน่วงเหนี่ยว และองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยนางซาโยร่า แอบกบดานอยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมายนานถึง 7 ปี จนกระทั่งตำรวจไทยตามไปจับกุมได้ที่ห้องพักแห่งหนึ่งย่านพระราม 9 เขตห้วยขวาง พร้อมกับพบหญิงสาวอุซเบกีสถานอีก 3 คน ที่หลบซ่อนอยู่เพราะสมัครใจลักลอบแอบเข้ามาค้าประเวณีในประเทศไทย เบื้องต้นนางซาโยร่าจะถูกคุมตัวกลับไปดำเนินคดีที่ประเทศอุซเบกีสถานต่อไป
ส่วนคดีที่ 2 ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สามารถจับกุมนายอัลวา ฮัสสัน ชาวอินเดีย อายุ 40 ปี และนายลูเซนี กาบา สัญชาติกินี อายุ 21 ปี ที่ใช้เอกสารยืนยันการตรวจลงตราปลอม หรือ วีซ่า eTA ซึ่งเป็นเอกสารสำหรับผู้ที่มีสัญชาติที่ไม่ต้องขอวีซ่าจากสถานทูต และต้องการเดินทางไปประเทศแคนาดา ต้องไปขอเอกสาร eTA ผ่านทางเว็บไซต์ แต่ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน มีการปลอมเอกสาร eTA มายื่นที่เคาท์เตอร์เช็คอินของสายการบิน ที่สนามบินสุวรรณภูมิ หวังใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านและต่อเครื่องไปยังประเทศแคนดา แต่ถูกเจ้าหน้าที่สายการบินตรวจพบก่อน เบื้องต้นตำรวจตรวจคนเข้าเมืองแจ้งข้อหาใช้ดวงตรา รอยตรา หรือแผ่นตรวจลงตราอันใช้ในการเดินทางระหว่างประเทศปลอมตามกฎหมาย ซึ่งตำรวจจะขยายผลตรวจสอบบริษัทนายหน้าที่รับทำเอกสาร eTA ปลอม มาดำเนินคดีต่อไป
ส่วนกรณีที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จับกุมนายเทิร์นโบส และนางสาวกอลแลน ชาวอเมริกัน ที่ใช้สีสเปรย์ฉีดพ่นกำแพงบ้าน ประตู รถยนต์ และทรัพย์สินของประชาชนและสาธารณะจนเสียหาย โดยจับกุมได้ที่จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่าทำไปเพราะความคึกคะนอง ไม่เกี่ยวข้องกับการแสดงสัญลักษณ์ทางการเมืองหรือการก่อการร้ายใดๆ ซึ่งตำรวจ สน.จักรวรรดิได้ดำเนินคดีฐานทำให้เสียทรัพย์ ปรับ 5,000 บาท และให้ผู้ต้องหาชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้เสียหาย 4 คน คนละ 1 หมื่นบาท รวม 4 หมื่นบาท และหลังจากนั้นสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของผู้ต้องหาทั้ง 2 คนแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมส่งตัวกลับประเทศและขึ้นบัญชีเป็นบุคคลต้องห้ามเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยภายใน 1-2 วันนี้ / ส่วนผู้ต้องหาอีก 1 คนที่ร่วมพ่นสีสเปรย์ด้วย เป็นนักท่องเที่ยวเช่นกันที่มาเจอกับผู้ต้องหาทั้ง 2 คนที่กรุงเทพฯนั้น ตำรวจอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัว และขยายผลว่ากลุ่มผู้ต้องหาเคยก่อเหตุลักษณะนี้ในพื้นที่อื่นหรือไม่ .-สำนักข่าวไทย