สิริพงศ์แจงไม่โหวตเลือก พล.อ.ประยุทธ์

ทีโอที 6 มิ.ย.- “สิริพงศ์” แจงเหตุไม่โหวตเลือก “พล.อ.ประยุทธ์” เพราะสัญญากับชาวศรีสะเกษว่าจะสนับสนุน “อนุทิน” เป็นนายกฯ คนเดียว จึงต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้ ย้ำไม่มีปัญหาการทำงานกับ “พล.อ.ประยุทธ์” 


นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่งดออกเสียงในการลงมติโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ ซึ่งสวนมติพรรคที่ให้สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นนายกรัฐมนตรี ว่า ยังไม่ได้พูดคุยกับทางพรรค อีกสักพักคงได้พูดคุยกัน แต่เบื้องต้นได้ไปขอโทษผู้ใหญ่ทางพรรคแล้วที่ได้ลงมติเช่นนั้น 

“ผมได้ชี้แจงกับผู้ใหญ่พรรคว่า ตนเองได้รับปากกับชาวศรีสะเกษ ไว้ว่า จะเลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียวเท่านั้น ผิดจากนี้เป็นใครก็เลือกไม่ได้  ยอมรับว่าเป็นคำสัญญาที่ยาก แต่ก็ต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน” นายสิริพงศ์ กล่าว


นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ได้แจ้งให้ทางพรรคทราบ ซึ่งทางพรรคได้ให้คำแนะนำหลายอย่าง และพยายามหาทางออกให้ ซึ่งมีการพยายามอย่างจริงจังที่จะเป็นขั้วที่ 3 แต่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ จึงทำให้เกิดความคิดเห็นที่หลากหลาย ผู้ใหญ่ได้ให้เหตุผลว่า การที่จะแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้ คือการทำนโยบายให้เป็นจริง ส่วนตัวเชื่อว่าทางออกของแต่ละคน แตกต่างกัน แต่สำหรับตนหาทางออกอื่นไม่ได้แล้ว นอกจากทำตามที่ตนเคยพูดไว้ ย้ำว่า การโหวตออกเสียงเมื่อวานนี้ เป็นการเคารพประชาชน และตนเอง 

นายสิริพงศ์ กล่าวว่า การลงมติงดออกเสียงในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี  ไม่ส่งผลต่อการพิจารณากฎหมายอื่น ๆ หลังจากนี้ เพราะไม่เกี่ยวกัน  ตนทำตามหน้าที่ สิ่งใดถูกต้องก็ต้องทำ และต้องรักษาคำพูดที่ให้ไว้กับประชาชน ไม่มีอะไรซับซ้อน ยอมรับว่าคิดหนัก แต่ก็ทำไปแล้ว ก็ต้องยืดอกรอรับผลของการกระทำ ตนรักพรรคภูมิใจไทย ตนอึดอัดทุกครั้งที่มีความขัดแย้งในสังคมไทย และไม่มีความคิดจะย้ายไปอยู่พรรคอื่น และยังไม่มีพรรคใดทาบทามมาเช่นเดียวกัน 

ส่วนกรณีที่อาจจะถูกมองว่าเป็นงูเห่า นั้น นายสิริพงศ์ กล่าวว่า แล้วแต่จะคิด ตนไม่จำเป็นต้องทำเพื่อเงิน เป็นสิ่งสุดท้ายที่จะทำ เพราะหากตนเป็นหัวหน้าพรรค ก็ไม่อยากให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ส่วนตัวอยากให้กำลังใจเพื่อน ส.ส.ทุกคน เพราะทุกคนเจอภาวะที่ยากลำบาก และขอบคุณทุกกำลังใจจากประชาชน ทั้งนี้หากการตัดสินใจของตนเป็นเงื่อนไขที่จะถูกนำไปต่อรองในการร่วมรัฐบาล ตนก็กราบขออภัย แต่คิดว่าคงไม่มีปัญหากับการร่วมงานกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพราะตนไม่ได้บอกว่ารัก หรือ เกลียด พล.อ.ประยุทธ์ แต่ที่ทำไปเพราะสัญญากับประชาชน หน้าที่ของตนคือ ส.ส. ส่วนหลังจากนี้ หากพรรคมีมติที่ไม่ตรงกับใจ จะโหวตสวนมติของพรรคอีกหรือไม่นั้น ต้องคุยกันอีกที.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง