ฉะเชิงเทรา 30 พ.ค.- สัตวแพทย์ผ่าพิสูจน์แล้วลูกช้างป่าเพศเมียล้มในแอ่งน้ำที่ฉะเชิงเทราพบตะกอนดินในลำคอ ชี้โลหะกลมเล็ก ๆ ฝังอยู่ช่วงอกไม่ใช่สาเหตุทำให้ล้ม และไม่เข้าจุดสำคัญ พร้อมเก็บชิ้นเนื้อส่งตรวจหาสาเหตุให้ชัด
นายวีระพงศ์ โคระวัตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน เปิดเผยถึงพบซากลูกช้างป่าล้มในแหล่งน้ำธรรมชาติ หมู่ 8 ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า ทีมสัตวแพทย์ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่าสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไนและทหารพรานกองร้อยทหารพรานที่ 1306 เข้าตรวจสอบจุดที่พบลูกช้างล้มเป็นแองน้ำมีความลึกกว่า 2 เมตร ลูกช้างเป็นช้างเพศเมีย ความสูงประมาณ 117 เซนติเมตร น้ำหนัก 800-900 กิโลกรัม บริเวณใบหน้าใบหูทั้งสองข้าง ลำคอ ใต้ท้องและหางมีร่องรอยอักเสบแดงฟกช้ำรวมทั้งลิ้นมีบาดแผล สันนิษฐานเกิดจากการที่โขลงช้างป่าพยายามดันตัวลูกช้างป่าให้ขึ้นจากน้ำ พร้อมกันนี้แพทย์ได้ผ่าพิสูจน์พบเศษตะกอนดินและของเหลวจำนวนมากคั่งในลำคอ รวมทั้งเลือดและของเหลวในปอด ตรงนี้น่าจะมาจากการจมน้ำ
นายวีระพงศ์ กล่าวว่า ส่วนโลหะเหล็กทรงกลมเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 8 มม. จำนวน1 เม็ด บริเวณกล้ามเนื้อช่วงลำตัวค่อนไปทางอกมีเนื้อเยื่อปกคลุม คาดว่าคงถูกโลหะดังกล่าวมาได้ประมาณ 1 เดือน แต่ไม่ทะลุและไม่โดนจุดสำคัญ จึงไม่น่าเป็นสาเหตุทำให้ช้างล้ม อย่างไรก็ตาม ทีมสัตวแพทย์จึงเก็บตัวอย่างอวัยวะเพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจหาความผิดปกติของเนื้อเยื่ออวัยวะภายในและตรวจหาโรคติดต่อสำคัญในช้าง
นายวีระพงศ์ กล่าวด้วยว่า ลูกช้างป่าตัวดังกล่าวนี้ คนละตัวกับลูกช้างป่าที่พลัดหลงบริเวณเขาดินบ้านหนองปลาซิว ม.8 ต.ท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา เนื่องจากลูกช้างป่าที่ล้มลักษณะความสูงน้อยกว่า คือ 117 ซม. ส่วนลูกช้างป่าที่เขาดินบ้านหนองปลา ความสูงประมาณ 130-140 ซม.-สำนักข่าวไทย