กรุงเทพฯ 21 ส.ค.- นิด้าโพล เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “2 ปี ของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” พบ ประชาชนร้อยละ 42.40 ระบุพล.อ.ประยุทธ์ ทำงานในตำแหน่งนายกฯ ได้ดีมาก ร้อยละ 45.20 เห็นว่าทำงานได้ค่อนข่างดี ในด้านอุดมการณ์ ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 85.84 ระบุ มีอุดมการณ์และความตั้งใจทำงานเพื่อชาติและประชาชน และ ร้อยละ 85.68 ระบุว่า มีความกล้าตัดสินใจในประเด็นทางการเมืองและการบริหาร ร้อยละ 79.60 ระบุว่า มีประสิทธิภาพในการทำงานแก้ไขปัญหาของประเทศ
เนื่องในการทำงานครบรอบ 2 ปี ของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันที่ 25 สิงหาคม 2559 นี้ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “2 ปี ของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 15 – 18 สิงหาคม 2559 จากประชาชนทั่วประเทศ กระจายทุกระดับการศึกษาและอาชีพ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,250 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความพึงพอใจต่อการทำงานของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรัฐมนตรี
จากการสำรวจ เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อการดำรงตำแหน่งครบ 2 ปี ของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พบว่า ประชาชน ร้อยละ 42.40 ระบุว่า ทำงานในตำแหน่งนายกฯ ได้ดีมาก ร้อยละ 45.20 ระบุว่า ทำงานในตำแหน่งนายกฯ ได้ค่อนข้างดี ขณะที่ ร้อยละ 6.32 ระบุว่า ทำงานในตำแหน่งนายกฯ ได้ไม่ค่อยดี ร้อยละ 3.52 ระบุว่า ทำงานในตำแหน่งนายกฯ ได้ไม่ดีเลย ร้อยละ 1.28 ระบุ อื่นๆ ได้แก่ ทำงานในตำแหน่งนายกฯ ได้ดีในระดับปานกลาง และไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ ในสัดส่วนที่เท่ากัน และเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจในเดือน กุมภาพันธ์ 2559 พบว่า มีสัดส่วนผู้ที่ระบุว่าทำงานได้ดีมาก เพิ่มขึ้น ซึ่งในขณะที่ผู้ที่ระบุว่าทำงานได้ค่อนข้างดี และไม่ค่อยดี จนถึงระดับไม่ดีเลย มีสัดส่วนลดลง
เมื่อถามถึงลักษณะการทำงานในรอบ 2 ปี ของนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในด้านต่าง ๆ พบว่า ด้านอุดมการณ์ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 85.84 ระบุว่า มีอุดมการณ์และความตั้งใจทำงานเพื่อชาติและประชาชน รองลงมา ร้อยละ 8.16 ระบุว่า ไม่มีอุดมการณ์ คิดแต่จะทำงานเพื่อรักษาอำนาจของตนเองและ คสช. ร้อยละ 0.16 ระบุว่า บางเรื่องก็มีอุดมการณ์ แต่ในบางครั้งก็ไม่มีอุดมการณ์ และร้อยละ 5.84 ไม่ระบุ /ไม่แน่ใจ และเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจในเดือน กุมภาพันธ์ 2559 พบว่า มีสัดส่วนของผู้ที่ระบุว่า มีอุดมการณ์ เพิ่มขึ้น เล็กน้อย ขณะที่สัดส่วนของผู้ที่ระบุว่า ไม่มีอุดมการณ์ลดลง
ด้านความกล้าตัดสินใจของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 85.68 ระบุว่า มีความกล้าตัดสินใจในประเด็นทางการเมืองและการบริหารที่สำคัญ ขณะที่ ร้อยละ 8.80 ระบุว่า ไม่มีความกล้าตัดสินใจในประเด็นทางการเมืองและการบริหารที่สำคัญ ร้อยละ 0.24 ระบุว่า บางประเด็นมีความกล้าตัดสินใจ และบางประเด็นก็ยังไม่มีความกล้าตัดสินใจ และร้อยละ 5.28 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ และเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจในเดือน กุมภาพันธ์ 2559 พบว่า มีสัดส่วนของผู้ที่ระบุว่า มีความกล้าตัดสินใจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่สัดส่วนของผู้ที่ระบุว่า ไม่มีความกล้าตัดสินใจ ลดลงเล็กน้อย
ด้านบุคลิกภาพผู้นำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 62.80 ระบุว่า มีบุคลิกภาพผู้นำแบบทหาร รองลงมา ร้อยละ 14.40 ระบุว่า มีบุคลิกภาพผู้นำแบบประชาธิปไตย ร้อยละ 18.96 ระบุว่า มีบุคลิกภาพผู้นำแบบก้ำกึ่ง ทั้งผู้นำแบบประชาธิปไตยและผู้นำแบบทหาร ร้อยละ 0.08 ระบุว่า ไม่มีความเป็นผู้นำเลย และร้อยละ 3.76 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ และเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจในเดือน กุมภาพันธ์ 2559 พบว่า มีสัดส่วนของผู้ที่ระบุว่า มีบุคลิกภาพผู้นำแบบทหารและมีบุคลิกภาพผู้นำแบบประชาธิปไตยต่างมีสัดส่วน ลดลง ขณะที่สัดส่วนของผู้ที่ระบุว่ามีบุคลิกภาพผู้นำแบบก้ำกึ่ง ทั้งแบบผู้นำประชาธิปไตย และผู้นำแบบทหารกลับมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ด้านประสิทธิภาพในการทำงานแก้ไขปัญหาของประเทศของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 79.60 ระบุว่า มีประสิทธิภาพในการทำงานแก้ไขปัญหาของประเทศ ขณะที่ ร้อยละ 12.64 ระบุว่า ไม่มีประสิทธิภาพในการทำงานแก้ไขปัญหาของประเทศ ร้อยละ 0.80 ระบุว่า บางอย่างก็มีประสิทธิภาพ บางอย่างก็ยังไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน และร้อยละ 6.96 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ และเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจในเดือน กุมภาพันธ์ 2559 พบว่า มีสัดส่วนของผู้ที่ระบุว่า มีประสิทธิภาพในการทำงาน เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่สัดส่วนของผู้ที่ระบุว่า ไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน มีสัดส่วนลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ด้านความโปร่งใส ตรวจสอบได้ในการทำงาน ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 72.88 ระบุว่า การทำงานมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ขณะที่ ร้อยละ 10.40 ระบุว่า การทำงานไม่มีความโปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้ ร้อยละ 0.56 ระบุว่า การทำงานบางอย่างมีความโปร่งใส แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้ และร้อยละ 16.16 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ และเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจในเดือน กุมภาพันธ์ 2559 พบว่า มีสัดส่วนของผู้ที่ระบุว่าการทำงานมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่การทำงานไม่มีความโปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้ มีสัดส่วนลดลง และมีสัดส่วนของผู้ที่ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ท้ายที่สุด เมื่อถามถึงความประทับใจในการทำงานของคณะรัฐมนตรี รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา 5 อันดับแรก พบว่า อันดับ 1 ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 46.80 ระบุว่า ประทับใจในการทำงานของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รองลงมา อันดับ 2 ร้อยละ 46.00 ระบุว่าเป็น นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อันดับ 3 ร้อยละ 45.60 ระบุว่า เป็น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี อันดับ 4 ร้อยละ 45.12 ระบุว่าเป็น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และอันดับ 5 ร้อยละ 44.16 ระบุว่าเป็น พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เมื่อเปรียบเทียบกับผลสำรวจในเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ที่ผ่านมาพบว่ารัฐมนตรี 4 คนใน 5 อันดับแรกที่ประชาชนมีความประทับใจสูงสุดยังคงเป็นกลุ่มเดิม ยกเว้นพลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่สามารถเลื่อนจากอันดับ 6 เข้ามาเป็นอันดับที่ 5
ส่วนผลสำรวจคณะรัฐมนตรี รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ประชาชนไม่ประทับใจ 5 อันดับแรก พบว่า อันดับ 1 ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 21.04 ระบุว่า ไม่ประทับใจ พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองลงมา อันดับ 2 ร้อยละ 20.80 ระบุว่าเป็น นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง อันดับ 3 ร้อยละ 20.72 ระบุว่าเป็น นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และพลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในสัดส่วนที่เท่ากัน อันดับ 4 ร้อยละ 20.56 ระบุว่าเป็น พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และอันดับ 5 ร้อยละ 20.48 ระบุว่าเป็น นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
ด้านคณะรัฐมนตรีรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ประชาชนไม่รู้จัก 5 อันดับแรก พบว่า อันดับ 1 ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 15.44 ระบุว่า ไม่รู้จัก พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี รองลงมา อันดับ 2 ร้อยละ 15.36 ระบุว่าเป็น พลเรือเอกณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี อันดับ 3 ร้อยละ 14.96 ระบุว่าเป็น นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อันดับ 4 ร้อยละ 13.84 ระบุว่าเป็น พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และอันดับ 5 ร้อยละ 13.76 ระบุว่าเป็น นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 8.80 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 27.44 มีภูมิลำเนาอยู่ปริมณฑลและภาคกลาง ร้อยละ 18.16 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 31.44 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และร้อยละ 14.16 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ ตัวอย่าง ร้อยละ 55.12 เป็นเพศชาย ร้อยละ 44.80 เป็นเพศหญิง และร้อยละ 0.08 เป็นเพศทางเลือก ตัวอย่าง ร้อยละ 6.80 มีอายุต่ำกว่า 25 ปี ร้อยละ 16.48 มีอายุ 26 – 35 ปี ร้อยละ 21.12 มีอายุ 36 – 45 ปี ร้อยละ 34.56 มีอายุ 46 – 59 ปี ร้อยละ 17.84 มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และ ร้อยละ 3.20 ไม่ระบุอายุ ตัวอย่าง
ร้อยละ 91.76 ระบุว่า นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 3.36 ระบุว่า นับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ 1.28 ระบุว่า นับถือศาสนาคริสต์ และอื่น ๆ และร้อยละ 3.60 ไม่ระบุศาสนา ตัวอย่าง ร้อยละ 19.84 ระบุว่าสถานภาพโสด ร้อยละ 72.64 สมรสแล้ว ร้อยละ 3.68 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ และร้อยละ 3.84 ไม่ระบุสถานภาพการสมรส ตัวอย่างร้อยละ 26.96 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 29.68 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 6.72 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 27.52 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ร้อยละ 4.72 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 4.40 ไม่ระบุการศึกษา
ตัวอย่างร้อยละ 10.64 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 12.00 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 23.28 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 16.16 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 15.52 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 15.36 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน ร้อยละ 2.40 เป็นนักเรียน/นักศึกษา และร้อยละ 4.64 ไม่ระบุอาชีพ ตัวอย่างร้อยละ 15.36 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 20.72 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 24.80 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001 – 20,000 บาท ร้อยละ 12.56 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001 – 30,000 บาท ร้อยละ 6.32 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001 – 40,000 บาท ร้อยละ 8.72 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนมากกว่า 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 11.52 ไม่ระบุรายได้.-สำนักข่าวไทย