สกอ. 14 พ.ค. – รัฐบาลดึงสถาบันการศึกษาร่วมผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่ รองรับอีอีซี 475,000 คน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ประชุมหารือ “การสร้างบัณฑิตพันธุ์ใหม่ เพื่อพัฒนากำลังคนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก” เน้นย้ำว่าไทยมีปัญหาเชิงโครงสร้าง รัฐบาลจึงผลักดันนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลง การผลิตต่อหน่วยต้นทุนลดลง ความแม่นการผลิต ระบบ BigData ต้องรู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร ทุกหน่วยงานต้องเก็บข้อมูล ทั้งลูกค้า นักเรียน การสอน การผลิตบุคลากร การศึกษาวิจัย นโยบายของรัฐออกมาจะผลิตบุคคลรองรับอย่างไร เพื่อใช้เป็นข้อมูลนำไปใช้ประโยชน์ ขณะที่หน่วยงานไทยกุมข้อมูลเอาไว้เพื่อกุมอำนาจ แต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จึงต้องปรับพฤติกรรมดังกล่าว
ปัจจุบันใช้ AI จัดเก็บข้อมูลเพื่อใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ยอมรับว่าเทคโนโลยีกระทบไปในทุกวงการ ขณะที่วงการศึกษาต้องเร่งปรับตัวรองรับความต้องการแรงงานคุณภาพยุคใหม่ สำหรับภาคชนบทหากสอนให้ชุมชนเรื่องจัดทำเว็บไซต์ขายสินค้าผ่านออนไลน์ การผลักดันท่องเที่ยวเมืองรองในชุมชน เพื่อให้ชาวบ้านมีเงินใช้จ่าย จึงต้องผลักดันให้เกิดอุตสหากรรมใหม่เพิ่มจาก 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เร่งพัฒนาด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาด้านเกษตรและการท่องเที่ยว เมื่อสินค้าเกษตรดีขึ้น การท่องเที่ยวจะตามมาหนุนให้มหาวิทยาลัยราชภัฏ การพัฒนาท้องถิ่นเน้นด้านเกษตร ท่องเที่ยว ถึงเวลาแล้วสถาบันการศึกษาต้องเปลี่ยนแปลงการศึกษา รัฐบาลพร้อมสนับสนุนให้สำนักงบประมาณให้ความสำคัญพัฒนาด้านการศึกษา มหาวิทยาลัยต้องพาร์ทเนอร์ร่วมพัฒนาบุคลากร
สำหรับโมเดลใหม่ คือ บุคลากรต้องมีทักษะ ส่งเสริมให้เอกชนตั้งสถาบันขึ้นมาฝึกอบรมร่วมกับสถาบันการศึกษา เพราะจะรับรู้ความต้องการแรงงาน ภาคเอกชนออกมาร่วมมือและสอนเติมความรู้ในโรงงาน นับว่าเป็นความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน เพื่อให้ภาคเอกชนฝึก เนื่องจากเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) จะเป็นศูนย์สำคัญในการสร้างแรงงานคุณภาพ ส่งเสริมให้สถาบันศึกษาต่างประเทศเข้าขยายการผลิตบุคคลากร ร่วมมือกับไทย
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ชี้แจงว่าอีอีซีต้องการแรงงานในช่วง 5 ปีข้างหน้า ผ่าน 7 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย และ 3 โครงสร้างพื้นฐาน 475,000 คน ผ่านการพัฒนาหลักสูตร 200 หลักสูตร โดยสาขาดิจิทัลต้องการแรงงาน 100,000 คน และด้านโลจิสติกส์ต้องการนับแสนคน การประชุมในเวทีครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะรัฐบาลตั้งงบประมาณ เพื่อให้ทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมดำเนินการรองรับนโยบายพัฒนาแรงงานแล้ว รัฐบาลเห็นความสำคัญในการพัฒนาด้านอาชีวะ จึงทดลองใช้สัตหีบโมเดล เริ่มพัฒนาเด็กอาชีวะ จ่ายเบี้ยเลี้ยง 4,000 บาทต่อเดือน เมื่อเรียนจบให้ค่าฝึกงาน 300 บาทต่อวัน หากเรียนจบรับเข้าทำงานเงินเดือนขั้นต่ำ 20,000 บาทต่อเดือน จากเดิมผลิตได้ 200 คน ขยายเพิ่มเป็น 6,000 คนในปีนี้ ในอีก 5 ปีข้างหน้า คาดว่าจะพ้นจากปัญหาผลิตบุคลากรมาแล้วตกงาน เพราะมีเอกชนสนใจจำนวนมากมาร่วมโครงการ
นพ.อุดม คชินทร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รายงานที่ประชุม ว่า การผลิตบุคลากรของไทยยังไม่ตอบโจทย์ความต้องการของแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานคุณภาพรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล วันนี้ทุกฝ่ายจึงต้องช่วยกันตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติและความต้องการแรงงานต้องเพิ่มรายได้ประชากร 37,000 ดอลาร์สหรัฐต่อปี จากปัจจุบันมีเพียง 15,000 ดอลาร์สหรัฐต่อปี เพื่อสถาบันอุดมศึกษาเป็นหัวขบวน เน้นการวิจัยและนวัตกรรมเป็นหัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล การสร้างองค์ความรู้ใหม่ ต้องร่วมมือกับทั้งภาครัฐ เอกชน ต้องคิดใหญ่ สร้างคนไทย 4.0 มีความสามารถสูง ดิจิทัลไทยอยู่ในทุกเวทีโลกมีส่วนพัฒนาโลกให้ดีขึ้น
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มีแผนสร้างบัณฑิตพันธุ์ใหม่ มุ่งจัดการด้วยข้อมูล Big DaTa ยกระดับการวิจัย เน้นสร้างนวัตกรรมเพื่อใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ยกระดับการพัฒนาคนให้มีสมรรถนะสูง รองรับภาคอุตสาหกรรมและไทยแลนด์ 4.0 ต้องเรียนรู้มุมมองใหม่ ผลักดันการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพิ่มทักษะ นวัตกรรม ต้องสร้างแพลทฟอร์มเพื่อพัฒนาการเรียน การสอนยุคใหม่ให้คนทำงานมาเรียนเพิ่ม 8 เดือนถึง 1 ปี มาพัฒนาคุณภาพต่อยอดผ่านการเรียน การสอนใหม่ เพื่อร่วมดีไซน์หลักร่วมกับภาคเอกชน โดยเน้นกลุ่มอาชีวะ ช่างฝีมือในสัดส่วนร้อยละ 70 ดำเนินการอย่างเร่งด่วนภายใน 1 ปี รองรับเอกชนที่ต้องการแรงงานจำนวนมาก ขณะที่ระดับปริญญาตรี โท เอก ต้องการประมาณร้อยละ 30 เพื่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ
ขณะนี้สหภาพยุโรป (อียู) ปรับตัวรองรับเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ได้เร่งปรับตัวเน้นการวิจัย นวัตกรรม การส่งเสริมการเรียนจากประสบการณ์ทำงานจริง ความรู้เดิมจะหายไป การดึงดูดการลงทุน การเรียนรู้ร่วมกัน และเน้นใช้เทคโยโลยีร่วมกับวิทยาศาสตร์ สหรัฐทุกองค์กรปรับตัวหมดแล้ว ผ่านการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีถึงร้อยละ 75 ขณะที่จีนประกาศการผลิตสินค้าออกสู่ตลาดโลก Made In china เป็นสินค้าคุณภาพอย่างภาพภูมิใจไม่มีลอกเลียนแบบ เมื่อทั่วโลกได้ปรับตัวแล้ว ประเทศจึงต้องเร่งปรับตัวรองรับกระแสโลกยุคดิจิตอล.-สำนักข่าวไทย