กรุงเทพฯ 13 พ.ค. – บีโอไอเผยไตรมาสแรกนักลงทุนญี่ปุ่นยังครองแชมป์ลงทุนมากที่สุด ขณะที่ภาพรวมมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 253 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา
นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ไตรมาสแรกปีนี้ 2562 (ม.ค.– มี.ค.) พบว่า การลงทุนของนักลงทุนต่างชาติมีมูลค่าโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนเพิ่มร้อยละ 253 โดยมีจำนวนโครงการที่ยื่นคำขอรวม 245 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 84,104 ล้านบาท เปรียบเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนจำนวนโครงการเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 นักลงทุนต่างชาติที่ยื่นคำขอมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 ญี่ปุ่น 55 โครงการ เงินลงทุน 26,845 ล้านบาท อันดับ 2 จีน 38 โครงการ เงินลงทุน 9,072 ล้านบาท และอันดับ 3 สิงคโปร์ 29 โครงการ มูลค่า 5,447 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมการลงทุนของต่างชาติ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ คิดเป็นร้อยละ 29 ของโครงการจากต่างชาติทั้งหมด แต่หากพิจารณามูลค่าการลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในหมวดแร่ เซรามิกส์ และโลหะขั้นมูลฐาน คิดเป็นร้อยละ 30 ของมูลค่าเงินลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด
ส่วนภาพรวมการยื่นโครงการขอรับส่งเสริมการลงทุนกับบีโอไอในภาพรวมทั้งหมดของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีการยื่นโครงการเพื่อขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวม 387 โครงการ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 12 มูลค่าเงินลงทุนรวม 128,903 ล้านบาท โดยอยู่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย 199 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 51 ของจำนวนโครงการที่ยื่นขอรับการส่งเสริมทั้งหมด โดยมีมูลค่า 58,803 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 46 ของมูลค่าการยื่นขอรับการส่งเสริมทั้งหมด
ขณะที่ประเภทกิจกรรมที่ยื่นขอรับส่งเสริมมากที่สุด 4 อันดับแรก ได้แก่ กิจการบริการและสาธารณูปโภค 129 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 33 ของจำนวนโครงการทั้งหมด เงินลงทุนรวม 46,888 ล้านบาท กิจการเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 81 โครงการ เงินลงทุนรวม 22,259 ล้านบาท กิจการผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง 65 โครงการ เงินลงทุนรวม 15,258 ล้านบาท และกิจการเกษตรกรรมและผลิตผลจากการเกษตร 52 โครงการ เงินลงทุนรวม 7,365 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนรายใหม่ยังคงให้ความสนใจยื่นขอรับการส่งเสริม โดยมีโครงการลงทุนใหม่ 208 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 54 ของจำนวนคำขอรับการส่งเสริมทั้งหมด ด้วยมูลค่าเงินลงทุนรวม 39,170 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 30 ของเงินลงทุนทั้งหมด.-สำนักข่าวไทย