นายกฯ ย้ำนโยบายความเชื่อมโยงสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

กรุงปักกิ่ง 27 เม.ย. 62 -นายกฯ กล่าวสุนทรพจน์การประชุมโต๊ะกลม ชื่นชมพัฒนาการ BRI ผลักดันนโยบายความเชื่อมโยงสู่การพัฒนายั่งยืน


“จิตตานันท์ นิกรยานนท์” ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ที่ติดตามภารกิจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง  (Belt and Road Forum for International Cooperation – BRF)  ครั้งที่ 2 ที่ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 26-27 เมษายน รายงานว่า นายกรัฐมนตรี กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมโต๊ะกลมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (BRF Leader’s Roundtable) ภายใต้หัวข้อ “ส่งเสริมความเชื่อมโยงเพื่อแสวงหาช่องทางใหม่สำหรับการเติบโต” (Boosting Connectivity to Explore New Sources of Growth) ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติทะเลสาบเยี่ยนซี โดยนายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีต่อประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และประชาชนชาวจีนในโอกาสครบรอบ 70 ปี แห่งการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนในปีนี้ พร้อมทั้งแสดงความชื่นชมวิสัยทัศน์ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ริเริ่มยุทธศาสตร์ BRI ซึ่งไทยจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะถือว่าเป็นยุทธศาสตร์ที่จะช่วยส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคและโลก ส่งเสริมการเชื่อมโยง การพัฒนาเศรษฐกิจและการค้าโลก ตลอดจนส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนและครอบคลุม ซึ่งถือเป็นผลประโยชน์ที่ทุกฝ่ายจะได้รับร่วมกัน 

นายกรัฐมนตรี แสดงความประทับใจที่ BRI มีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว มีผู้เข้าร่วมสนับสนุนจำนวนมาก และมีความครอบคลุมในทุกมิติของการพัฒนา ซึ่งการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและครอบคลุมนั้นต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐานที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนและสามารถเชื่อมโยงทั้งภายในและภายนอก เพื่อขยายความครอบคลุมของกิจกรรมทางเศรษฐกิจออกไปให้ได้ประโยชน์สูงสุด


“ไทยให้ความสำคัญกับการขยายความเชื่อมโยงของอาเซียนกับภูมิภาคและโลก ทั้งทางกายภาพ กฎระเบียบ ดิจิทัล และประชาชน ผ่านกรอบความร่วมมือต่าง ๆ ทั้ง GMS ACMECS MLC IMT-GT BIMSTEC และ APEC ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ไทยอยู่ระหว่างเร่งรัดการดำเนินการเพื่อยกระดับความเชื่อมโยงทางด้านโครงสร้างพื้นฐานทั้งภายในประเทศและเชื่อมกับภูมิภาคและโลก เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ทั่วถึงและยั่งยืน ทั้ง NSEC และ EWEC ที่จะเชื่อมโยงอาเซียนไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ผ่านโครงการ BRI รวมทั้งโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการแม่แบบในการสร้างฐานเพื่อเชื่อมโยงไทยกับประเทศเพื่อนบ้านและภูมิภาคใกล้เคียงทั้งทางบก อากาศ น้ำและทางราง ในรูปแบบการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Transport) ประกอบด้วยโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินหลัก (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา)โครงการพัฒนารถไฟทางคู่เชื่อมโยงจีน-ลาว-ไทย-กัมพูชา และโครงการระบบขนส่งสินค้าแบบไร้รอยต่อไปยังท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังและท่าเรือมาบตาพุด ในการประชุมครั้งนี้มีการลงนามโครงการความเชื่อมโยงระหว่างไทย-ลาว-จีน เพื่อเชื่อมต่อระหว่างหนองคาย-เวียงจันทน์ ซึ่งก็จะสนับสนุน BRI ด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว

สำหรับการใช้ประโยชน์จากความเชื่อมโยงต่างๆ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์หลักของ BRI ในการสร้างการเจริญเติบโตและขยายศักยภาพของประเทศที่มีส่วนร่วมนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประการแรก ควรส่งเสริมศักยภาพในการแข่งขันและขยายตลาดให้ภาคธุรกิจ ทั้งธุรกิจ ขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์จากความเชื่อมโยงระหว่างกรอบต่างๆ ในอนุภูมิภาคและภูมิภาค โดยเฉพาะ ACMECS กับ MLC  GMS และ Greater Bay Area หรือ GBA และการจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทยในการขยายตลาดได้ โดยสนับสนุนจีนและวิสัยทัศน์ของ BRI อย่างเต็มที่ในการผลักดันความร่วมมือเชิงหุ้นส่วนแบบ Public-Private Partnership (PPP) โดยเชื่อมั่นว่าภาคเอกชนจะเป็นกลไกสำคัญในการทำให้ความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อเกิดความสมบูรณ์โดยเร็วและอย่างเป็นรูปธรรม

“ประการที่สองการอำนวยความสะดวกการค้า การลงทุน และการประกอบธุรกิจระหว่างกัน โดยสร้างความเชื่อมโยงทางสถาบันและกฎระเบียบ ด้วยการขับเคลื่อนให้แผนแม่บทอาเซียนว่าด้วยความเชื่อมโยง 2025 และแผนแม่บท ACMECS 2019-2025 ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งเร่งรัดการเจรจาในกรอบ RCEP ให้สามารถได้ข้อสรุปภายในปีนี้ การจัดตั้งแหล่งเงินทุนที่ยั่งยืนจะช่วยสนับสนุนโครงการที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ประโยชน์  ซึ่งเป็นแนวคิดของสมาชิก ACMECS ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ BRI โดยขอแสดงความชื่นชมจีนที่เป็นผู้ริเริ่มการจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (AIIB) และกองทุน Silk Road Fund สำหรับความร่วมมือใน ACMECS นั้น กำลังอยู่ระหว่างการจัดตั้ง ACMECS Fund จึงขอเชิญจีนและมิตรประเทศที่สนใจเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาด้วยกัน” นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประการสุดท้าย ผลประโยชน์ของการเชื่อมโยงจะต้องตกอยู่กับพลเมืองมากที่สุด จึงควรเน้นการพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ เพื่อเตรียมความพร้อมต่อการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 และเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว การใช้เทคโนโลยีเพื่อขับเคลื่อนการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชาชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพลเมืองและกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าทุกประเทศจะสามารถร่วมมือกันส่งเสริมความเชื่อมโยงตามเจตนารมณ์ของยุทธศาสตร์ BRI เพื่อนำมาซึ่งสันติภาพ ความมั่งคั่งและการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อภูมิภาคและต่อโลกต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์

เร่งล่าฆาตกรโหดตัดนิ้วชิงทรัพย์หญิงวัย 67 ทิ้งศพกลางสวนปาล์ม

ตำรวจเร่งล่าฆาตกรโหดฆ่าตัดนิ้วหญิงวัย 67 ปี ชิงทรัพย์ ก่อนทิ้งศพกลางสวนปาล์ม อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ชาวบ้านเผยพบรถเก๋งต้องสงสัยสีขาววิ่งเข้าไปในจุดพบศพ

จับนายก อบต.นาบัว

คอมมานโดบุกจับนายก อบต.นาบัว-พวก รวม 16 คน

คอมมานโดกองปราบฯ บุกจับฟ้าผ่า! นายก อบต.นาบัว อ.นครไทย ประธาน “ธนาคารหมู่บ้าน” พร้อมพวก รวม 16 คน ฐานร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันกู้ยืมเงิน มูลค่าความเสียหายนับร้อยล้านบาท

New Zealanders march towards Wellington to protest Indigenous treaty bill

ชาวเมารีเต้นฮากาประท้วงร่าง กม.นิวซีแลนด์

เวลลิงตัน 15 พ.ย.- ผู้คนในหลายเมืองทั่วนิวซีแลนด์เข้าร่วมการเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังกรุงเวลลิงตัน เพื่อประท้วงร่างกฎหมายลิดรอนสิทธิของชนพื้นเมือง โดยมีการเต้นฮากาที่เป็นวัฒนธรรมของชาวเมารีในระหว่างการประท้วงด้วย รัฐสภานิวซีแลนด์ผ่านความเห็นชอบในเบื้องต้นเมื่อวานนี้ เรื่องการตีความใหม่สนธิสัญญาอายุ 184 ปี ที่มกุฎราชกุมารอังกฤษกับหัวหน้าชาวเมารีมากกว่า 500 คนลงนามในปี พ.ศ.2383 กำหนดเรื่องการปกครองนิวซีแลนด์ร่วมกัน ซึ่งเป็นแนวทางในการออกกฎหมายและนโยบายของประเทศมาจนถึงปัจจุบัน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เกิดการชุมนุมประท้วงตามเมืองต่าง ๆ ทั่วนิวซีแลนด์ โดยมีการจัดเดินขบวนเป็นเวลา 9 วันมุ่งไปยังกรุงเวลลิงตัน คาดว่าขบวนจะถึงเมืองหลวงในวันที่ 19 พฤศจิกายน ตำรวจแถลงวันนี้ว่า มีคนประมาณ 10,000 คน เข้าร่วมการเดินขบวนในเมืองโรโตรัว ห่างจากกรุงเวลลิงตันไปทางเหนือราว 450 กิโลเมตร ผู้ประท้วงแต่งกายในชุดชนพื้นเมือง มีการเต้นฮากาที่เป็นวัฒนธรรมของชาวเมารี โดยได้รับการต้อนรับจากคนจำนวนมากที่มาโบกธงเมารีและร่วมร้องเพลง.-814.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

typhoon Man-Yi barrels through the Philippines

ซูเปอร์ไต้ฝุ่น “หม่านหยี่” เข้าฟิลิปปินส์

มะนิลา 17 พ.ย.- ซูเปอร์ไต้ฝุ่นหม่านหยี่ พัดเข้าเกาะลูซอนที่เป็นเกาะหลักและมีประชากรอยู่หนาแน่นที่สุดของฟิลิปปินส์แล้วในวันนี้ เสี่ยงทำให้เกิดฝนตกหนักในกรุงมะนิลาที่เป็นเมืองหลวง หม่านหยี่ เป็นภาษาจีนกวางตุ้ง เป็นชื่อของอ่างเก็บน้ำในฮ่องกง นับเป็นพายุลูกที่ 6 ที่พัดเข้าฟิลิปปินส์ในรอบ 1 เดือน มีความเร็วลม 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อ่อนกำลังลงเล็กน้อยหลังจากขึ้นฝั่งเมืองปางานีบัน จังหวัดคาตันดัวเนส ที่เป็นเกาะขนาดเล็ก เมื่อคืนวันเสาร์ ข้ามมาจนถึงจังหวัดคามารีเนส นอร์เต บนเกาะลูซอน ในเช้าวันนี้ ไต้ฝุ่นลูกนี้มีแนวโน้มจะทำให้เกิดฝนตกหนักทั่วเขตมหานครมะนิลา ซึ่งมีการอพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงแล้วกว่า 1 ล้านคน แต่ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต แม้ว่ากระแสลมแรงได้สร้างความเสียหายให้แก่สิ่งปลูกสร้างในจังหวัดคาตันดัวเนสก็ตาม.-820(814).-สำนักข่าวไทย

ดอยอินทนนท์คึกคักรับลมหนาว สัมผัสหมอกหนายามเช้า

นักท่องเที่ยวแห่ขึ้นดอยอินทนนท์รับลมหนาว สัมผัสหมอกหนายามเช้าวันหยุด หลายคนบอกไม่ผิดหวัง เพราะพระอาทิตย์สาดแสงเป็นประกายประทับใจ

Opal 3rd Runner-Up Miss Universe 2024 cr.TPN edit

“โอปอล” คว้ารองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024

“โอปอล สุชาตา” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2024 ผ่านเข้ารอบ 5 คนสุดท้าย บนเวที Miss Universe 2024 รอบสุดท้าย ที่ประเทศเม็กซิโก และทำได้ดีที่สุดด้วยการคว้าตำแหน่งรองอันดับ 3

สอบปากคำ “เจ๊พัช” 5 ชั่วโมง ยังคงปฏิเสธ

“บิ๊กหมู” เผยสอบปากคำ “เจ๊พัช” เมื่อคืนยาวนาน 5 ชั่วโมง ยังคงให้การปฏิเสธ ไม่ได้ตบทรัพย์ “บอสพอล” ส่งตัวฝากขังพรุ่งนี้เช้า