พรรคอนาคตใหม่ 22 เม.ย.-“ปิยบุตร” แจงรายละเอียดไทม์ไลน์การโอนหุ้น บ.วี-ลัค มีเดีย จำกัด ของ “ธนาธร” และภรรยา ย้ำมีผลตามกฎหมายตั้งแต่ 8 ม.ค.62 ระบุมีบางสื่อฯ พยายามสร้างความสับสน
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวชี้แจงกรณีการถือหุ้นในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ว่า ขณะนี้ยังมีสื่อบางสำนักพาดหัวข่าวในลักษณะเป็นการทุจริตคอร์รัปชั่นและเป็นการซุกหุ้น เหมือนต้องการลดความน่าเชื่อถือของพรรคหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพรรคอนาคตใหม่ได้คะแนนจากการเลือกตั้ง 6.3 ล้านเสียง และนายธนาธร ประกาศตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ดังนั้นจึงขอว่า สื่อไม่ควรสับสนว่าการถือหุ้นเป็นการทุจริตคอร์รัปชั่น เพราะเรื่องนี้เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 98 กำหนดไม่ให้ผู้สมัคร ส.ส.ถือครองหุ้นในกิจการสื่อมวลชน รวมถึงเมื่อเป็น ส.ส.แล้ว ต่างจากรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่ห้ามถือครองหุ้นเฉพาะตอนที่ได้รับตำแหน่ง ส.ส.แล้ว ซึ่งตนมองว่าข้อห้ามควรมีตอนที่มีอำนาจแล้ว เพราะตอนเป็นผู้สมัครไม่มีใครทราบว่าจะได้รับการเลือกตั้งหรือไม่ แต่เมื่อกฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนด ก็ต้องปฏิบัติตาม และเข้าใจว่าเป็นการป้องกันไม่ให้นักการเมืองเข้าไปครอบงำสื่อ ซึ่งนายธนาธร ก็เตรียมตัวในเรื่องนี้มาเป็นอย่างดี และที่ผ่านมา นายธนาธรได้เตรียมหลักฐานเพื่อจะเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่ก็ไม่เคยได้รับการติดต่อมา จนมาทราบจากการรายงานของสื่อบางสำนักว่า สำนักงาน กกต.อยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องนี้ และสื่อบางสำนักได้เขียนข่าวลักษณะกดดันการทำงานของ กกต. ให้มีมติเรื่องนี้ให้ทันในวันที่ 9 พฤษภาคม พร้อมยังอ้างแหล่งข่าว กกต.ว่า วันนี้จะมีการประชุมของ กกต. และจะมีมติในวันนี้หรือวันพรุ่งนี้
“พรรคกังวลใจว่าการพิจารณาของ กกต. อาจขัดกฎหมายที่การพิจารณาจะต้องรับฟังทุกฝ่าย ไม่ใช่การพิจารณาเพียงเอกสารคำร้องที่สื่อรายงานเพียงอย่างเดียว คงจะไม่เกิดความเป็นธรรม นอกจากนี้ก่อนที่นายธนาธร จะเดินทางไปยุโรป ได้เตรียมเอกสารและได้มอบอำนาจให้ตัวแทนทีมกฎหมายของพรรคไปยื่นเอกสารที่ กกต.และขอโอกาสเข้าไปชี้แจงแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ ยังไม่ได้รับการประสานจาก กกต. ทำให้พรรคต้องเปิดแถลงข่าวในวันนี้” นายปิยบุตร กล่าว
นายปิยบุตร ยังได้ชี้แจงช่วงเวลาและหลักฐานการโอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ของนายธนาธร และ นางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ภรรยา ให้นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธร ว่า เสร็จสิ้นตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2562 ซึ่งมีเอกสาร เช็คขีดคร่อมการชำระค่าหุ้น ใบหุ้น และตราสารโอนหุ้น ที่แสดงว่ามีการโอนหุ้นจริง ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 วรรค 2 ระบุว่าการโอนหุ้นจะมีผลสมบูรณ์ด้วยการลงรายมือชื่อของผู้โอน ผู้รับโอน และพยาน ซึ่งแสดงว่ามีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว และในมาตรา 1129 วรรค 3 ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ระบุว่า หากจะให้การโอนหุ้นจะมีต่อบุคคลภายนอก จะต้องมีการจดแจ้งในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ซึ่งการดเนินการโอนหุ้นของนายธนาธร และภรรยา ไปยังนางสมพร ได้มีผลสมบูรณ์ทางกฎหมายเรียบร้อยแล้วนับตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม 2562 นายธนาธรจึงไม่ได้ถือหุ้นนี้อีกต่อไป
นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า กรณีสื่อบางสำนักยังพยายามขุดคุ้ยและระบุว่า ในวันที่ 8 มกราคม นายธนาธร ไม่ได้ร่วมประชุมผู้ถือหุ้นนั้น ข้อเท็จจริง คือ ในช่วงเช้า นายธนาธร ยังคงลงพื้นที่ในจังหวัดบุรีรัมย์ และเดินทางกลับมากรุงเทพฯ ด้วยเครื่องบินในช่วงบ่าย และมีหลักฐานในเสร็จ easy pass ในการเดินทางในช่วงเวลา 15.00 น. เพื่อเดินทางมาร่วมประชุม จากนั้นในวันที่ 14 มกราคม 2562 นางสมพรได้โอนหุ้นให้กับนายทวีและนายปิติ (นายเอและนายบี) ซึ่งเป็นหลานชายของนางสมพร เพื่อต้องการให้เข้ามาดูแลกิจการและติดตามหนี้สินจากลูกหนี้ค้างชำระ ตามที่ฝ่ายบัญชีของบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด แนะนำว่าหนี้ที่ค้างชำระ น่าจะมีการติดตามทวงคืนได้ และยังไม่ให้ปิดบริษัทฯ ทำให้ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 2562 บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด กลับมามีผู้ถือหุ้น 10 คน
นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า ต่อมาในวันที่ 18 มกราคม 2562 น.ส.รวิพรรณ ได้ลงนามลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัท และให้มีผลในวันที่ 19 มกราคม 2562 เพื่อป้องกันข้อครหาหลังจากลาออกจากการเป็นผู้ถือหุ้น ซึ่งวันที่ 19 มกราคม ก็มีการประชุมผู้ถือหุ้น โดยมีวาระ 3 เรื่อง คือ แจ้งการลาออกของนายทวีและนายปิติ แจ้งการถือครองหุ้น และมีมติเลิกกิจการบริษัทฯ เนื่องจากฝ่ายบัญชีพบว่า หนี้ที่มีอยู่เป็นหนี้ NPL หรือหนี้เสีย กว่า 11 ล้านบาท ผู้ถือหุ้นจึงตัดสินใจและมีมติปิด บริษัทวี-ลัค มีเดีย จำกัด จากนั้นในวันที่ 21 มกราคม 2562 นายทวีและนายปิติ รวมถึงผู้ถือหุ้นอีก 3 คน ได้โอนหุ้นคืนให้กับนางสมพร ทำให้เหลือหุ้นเพียง 5 คน ต่อมาในวันที่ 21 มีนาคม 2562 บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ได้นำเอกสารไปยื่นต่อกรมธุรกิจการค้า ตามมาตรา 139 วรรค 2 ที่กำหนดให้ยื่นสำเนาบัญชีผู้ถือหุ้นปีละ 1 ครั้ง ภายหลังจากการประชุมสามัญในวันที่ 19 มีนาคม 2562.-สำนักข่าวไทย