ภูมิภาค 21 เม.ย.- เมื่อคืนที่ผ่านมา มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นหลายราย โดยที่ จ.เพชรบุรี เด็กแว้นเฉี่ยวชนจักรยานยนต์สาวประเภทสองดับ ส่วนที่ จ.นครปฐม ผู้ใหญ่บ้านขับเก๋งชนเกาะกลางเสียชีวิต ขณะที่ จ.ชลบุรี สาวท้องถูกหนุ่มควบจักรยานยนต์ชนบาดเจ็บ และที่ประจวบคีรีขันธ์ รถทัวร์เสียหลักตกร่องกลางถนนชนต้นไม้ บาดเจ็บ 22 คน
ตำรวจ สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เข้าตรวจสอบอุบัติเหตุบนถนนเพชรเกษมขาเข้ากรุงเทพฯ บริเวณหน้าค่ายนเรศวร อ.ชะอำ พบร่างนายสันติ มิตรดี อายุ 48 ปี นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่ที่เลนขวาสุดติดกับเกาะกลางถนน สภาพศพมีเลือดออกที่ศีรษะจำนวนมาก จึงส่งศพไปตรวจพิสูจน์ที่ รพ.ชะอำ ใกล้กันยังพบรถจักรยานยนต์สีบรอนซ์ดำ ทะเบียนเพชรบุรี สภาพรถมีรอยถูกเฉี่ยวชน พังเสียหายยับเยิน ถัดมาอีก 15 เมตร พบรถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สภาพหน้ารถพังเสียหายยับเยินเช่นกัน ผู้ได้รับบาดเจ็บคาดว่าถูกนำตัวส่งไปรักษาที่โรงบาลหัวหิน
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงมีการแข่งรถจักยานยนต์หลายคัน จากนั้นก็ได้ยิงเสียงดังเหมือนรถเฉี่ยวชนกันจนล้ม จึงออกมาดู พบว่ามีคนนอนอยู่กลางถนน 1 ราย ขณะที่กลุ่มวัยรุ่นคู่กรณีที่ขับขี่รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชน ซึ่งได้รับบาดเจ็บ มีเพื่อนที่แข่งรถมาด้วยกันเข้ามาช่วยนำตัวและรถจักรยานยนต์หลบหนีไป ส่วนรถคันที่พังเสียหายไม่สามารถนำไปได้ ก็จอดทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตรวจสอบไปที่โรงพยาบาลหัวหิน พบนายวัชระ สมิงทอง อายุ 17 ปี เข้าไปรับการรักษาตัวโดยมีบาดแผลถลอกตามร่างกาย และสารภาพว่า เกิดเหตุเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตจริง
เกิดอุบัติเหตุนายกิติภูมิ ลิ้มต่อสกุล อายุ 48 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 ต.ดอนตูม อ.ดอนตูม จ.นครปฐม ขับรถเก๋งสีเทา ทะเบียนกรุงเทพฯ เสียหลักพุ่งชนเกาะกลางถนน และอัดกระแทกเข้ากับเสาไฟส่องสว่างบนถนนสายดอนตูม-หนองปลาไหล เยื้องกับทางเข้าวัดลำเหย ร่างติดอยู่ภายในรถ ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนผู้โดยสารที่ติดอยู่ในรถด้วยอีกคน คือ นายวรณุ ทองเถื่อน อายุ 30 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่เร่งเข้าช่วยเหลือก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลดอนตูม
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า รถคันเกิดเหตุวิ่งมาด้วยความเร็ว ก่อนจะพุ่งชนเกาะกลางถนนและชนกับเสาไฟส่องสว่าง ทำให้โคมไฟหลุดลงมากองที่พื้นถนน ส่วนสาเหตุคาดน่าจะมองไม่เห็นเกาะกลางถนน เนื่องจากไฟส่องสว่างดับมาหลายวันแล้ว รถที่ไม่ทันระวังอาจจะเสียหลักชนเกาะกลางถนนได้ สำหรับสาเหตุที่แท้จริง ต้องรอการตรวจพิสูจน์อีกครั้งว่าเกิดจากการมองไม่เห็นเกาะกลางถนน หรือผู้ขับขี่เมาสุรา
ตำรวจ สภ.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา เข้าตรวจสอบอุบัติเหตุรถบรรทุกพ่วงเทรลเลอร์ 22 ล้อ บรรทุกน้ำมันเตา 40,000 ลิตร วัตถุไวไฟ ประสบอุบัติเหตุพุ่งชนต้นไม้พลิกคว่ำลงข้างทางบน ถนนมิตรภาพ ขาออก เลยสี่แยกบ้านโพธิ์ อ.เมือง มาประมาณ 200 เมตร มีน้ำมันรั่วไหลเล็กน้อย ส่วนหัวของรถกระแทกกับต้นไม้และคันดินข้างทางพังยับเยิน คนขับถูกอัดก๊อบปี้เสียชีวิตติดคาซากรถ ทราบชื่อคือ นายปิยะชัย ศรีสันต์ อายุ 41 ปี ชาว อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่ต้องใช้อุปกรณ์ตัดถ่างนำร่างออกมาจากรถ ก่อนนำส่ง รพ.มหาราชนครราชสีมา
สอบสวนทราบว่า ผู้เสียชีวิตขับรถบรรทุกน้ำมันเตา 40,000 ลิตร มาลำพังคนเดียว จาก จ.ระยอง เพื่อไปส่งที่ จ.อุดรธานี เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ซึ่งถนนมีลักษณะเป็นทางตรง ผ่านสี่แยกไฟแดง จู่ๆ ก็เกิดเสียหลักพุ่งลงข้างทางชนต้นไม้และกระแทกคันดินจนพลิกคว่ำ เสียชีวิตคาที่ เบื้องต้นสันนิษฐาน สาเหตุอาจเกิดจากคนขับหลับใน
ส่วนที่พัทยา จ.ชลบุรี ตำรวจเข้าตรวจสอบอุบัติเหตุบนถนนสุขุมวิท เส้นทางบางเสร่-สัตหีบ บริเวณหน้าหมู่บ้านนาวีเฮ้าส์ 31 ต.สัตหีบ พบรถจักรยานยนต์ สีแดง ทะเบียนชลบุรี พลิกคว่ำเสียหายอยู่ในเลนซ้าย ใกล้กันพบผู้ขับขี่ คือ นายสมชาติ รุ่งแจ้ง อายุ 41 ปี นอนได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลถลอกที่ใบหน้า และตามร่างกายหลายแห่ง ยังอยู่ในอาการมึนงง ห่างออกไปอีก 10 เมตร ในป่าหญ้าข้างทางพบ น.ส.สายธาร ฉลองกลาง อายุ 17 ปี ตั้งครรภ์ 2 เดือน นอนได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลตามใบหน้า และฟกช้ำตามร่างกาย เบื้องต้นหน่วยกู้ภัยให้การช่วยเหลือนำตัวส่งไปยังโรงพยาบาลแล้ว
น.ส.สายธาร เล่าว่า ขณะเกิดเหตุได้เดินออกจากบ้านพักไปตามไหล่ทาง เพื่อไปหาเพื่อนที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ จู่ๆ รถจักรยานยนต์คู่กรณี ที่ขี่มาจากทางบางเสร่มุ่งหน้าเข้าสัตหีบ พุ่งชนก่อนกระเด็นไปคนละทิศละทาง จนต่างฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บ
ตำรวจ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ตรวจสอบอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสารสายนครศรีธรรมราช-กรุงเทพมหานคร ทะเบียน กทม. เสียหลักตกร่องกลางถนน ชนกับต้นไม้พลิกคว่ำบนถนนเพชรเกษม ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 293-294 หมู่ที่ 13 บ้านหนองบุญยงค์ ต.บ่อนอก อ.เมือง พบรถทัวร์คันดังกล่าวอยู่ในสภาพกระจกด้านหน้าพังแตกเสียหาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บมีแผลฉีกขาดและแผลถลอกชาย-หญิง รวมจำนวน 22 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องเร่งช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำส่งโรงพยาบาลประจวบฯ
นายสุกรี ดาราไก่ อายุ 51 ปี หนึ่งในผู้โดยสาร เล่าว่า นั่งอยู่หลังคนขับมาจาก จ.นครศรีธรรมราช จะไปลงที่สายใต้ กทม. ช่วงก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงบีบแตรดังสนั่น จากนั้นรถเสียหลักส่ายไป-มา ตนคิดว่ารถตกถนนแน่นอน จึงคว้าหลานมากอดไว้ในอ้อมแขน แต่โชคดีที่พวกตนไม่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนนาย อารอนิง มูหะหมัด อายุ 44 ปี คนขับรถทัวร์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนไม่ได้หลับใน กำลังพาผู้โดยสารจากจังหวัดนครศรีธรรมราช ไปส่งที่สายใต้และหมอชิต ก่อนเกิดเหตุมีรถบรรทุกสิบล้อห้องเย็นวิ่งแซงรถไปด้านหน้า แล้วเปลี่ยนเลนมาทางเลนส์ขวา ซึ่งเป็นเลนที่ตนวิ่งอยู่อย่างกะทันหัน ทำให้ท้ายรถบรรทุกมาเบียดกระจกมองข้างของรถตนจนหัก จึงทำให้รถเสียหลักส่ายไป-มา ก่อนที่จะตกร่องกลางถนน อย่างไรก็ดี สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริง ตำรวจต้องสอบสวนอีกครั้งต่อไป
เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองลำสามแก้ว เข้าตรวจสอบเหตุมีกลุ่มควันเกิดขึ้นที่รถบรรทุกน้ำมัน บนถนนลำลูกกามุ่งหน้าขาเข้าใกล้เคียงปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พบรถบรรทุกน้ำมันทะเบียน กทม. ซึ่งเป็นรถของบริษ์ท เอส แคริเออร์ จำกัด มีกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาที่บริเวณล้อซ้ายด้านหลัง ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงเร่งฉีดน้ำเข้าที่ล้อเป็นการด่วน เนื่องจากที่เกิดเหตุใกล้กับปั๊มน้ำมัน และกันพื้นที่ห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้ เกรงว่าจะได้รับอันตรายกับเหตุที่เกิดขึ้น เนื่องจากมีน้ำมันบางส่วนค้างอยู่ ใช้เวลาไม่เกิน 20 นาที ก็ควบคุมกลุ่มควันไว้ได้
สอบถามนายแดง ไม่ทราบนามสกุล ผู้ขับขี่รถบรรทุกน้ำมัน บอกว่า ตนเองและเพื่อนร่วมงานได้ไปลงน้ำมันทั้งเบนซินและดีเซล ประมาณ 20,000 ลิตรที่ จ.ราชบุรี หมดแล้ว และเดินทางกลับ อยู่ระหว่างวิ่งเข้าคลังน้ำมันคลองห้าลำลูกกา พอมาถึงที่เกิดเหตุพบว่าลมเบรกหมด จึงให้เพื่อนร่วมงานลงมาดู ก็พบว่ามีกลุ่มควันพุ่งขึ้นที่ล้อซ้ายข้างหลังอย่างแรง จึงรีบโทรแจ้งตำรวจเพื่อขอรถน้ำให้มาช่วยเหลือ เหตุการณ์ในครั้งนี้ถือว่าโชคดี เพราะไม่มีน้ำมันในถัง
ด้านนายขุนพลเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากเทศบาลเมืองลำสามแก้วเล่าว่า ขณะที่มาพบก็เห็นกลุ่มควันออกมาจากล้อหลังด้านซ้ายเป็นจำนวนมาก จึงรีบใช้น้ำฉีดเลี้ยงไปที่ต้นเหตุ เพื่อไม่ให้ลุกลามไปยังจุดอื่นหรือเกิดไฟลุกไหม้.-สำนักข่าวไทย