กรุงเทพ ฯ 18 เม.ย. – บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ประเมินหุ้น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ได้ผลประโยชน์จากการลงทุนภาครัฐ หุ้นที่มีการลงทุนต่อเนื่อง และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน จะได้รับผลดีก่อนการจัดตั้งรัฐบาล
นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LHFUND) กล่าวว่า สำหรับการลงทุนในช่วงนี้มองว่าตลาดตราสารทุนยังคงมีความน่าสนใจ โดยแนะนำนักลงทุนให้เข้าเก็งกำไรในหุ้นในช่วงก่อนการจัดตั้งรัฐบาล โดยเฉพาะหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลประโยชน์จากการลงทุนภาครัฐ เช่น หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และหุ้นที่มีการลงทุนต่อเนื่อง อย่างอสังหาริมทรัพย์ และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน เช่น กลุ่มค้าปลีก เป็นต้น อย่างไรก็ตาม มอง P/E ตลาดหุ้นไทยปี 2562 ไว้ที่ 16 เท่า
นายมนรัฐ กล่าวด้วยว่า การวางแผนกระจายการลงทุน (Asset Allocation ) เป็นเรื่องที่ดีจะช่วยนักลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจผันผวน จากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว เรื่องสงครามการค้า นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐและทั่วโลก ซึ่งกองทุนที่มีการกระจายการลงทุนที่ดี สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ มีการวิเคราะห์ถึงความผันผวน และมีการลงทุนในหลาย ๆ Asset class จะให้ผลตอบแทนที่ดีเมื่อเทียบกับความเสี่ยงจะช่วยให้นักลงทุนได้ผลตอบแทนที่ดีเมื่อเทียบกับความเสี่ยง ซึ่งบริษัทได้ร่วมมือกับธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LHBANK) พร้อมด้วย INVESCO Asset Management ผู้จัดการกองทุนระดับโลก ลงนามข้อตกลงความร่วมมือเพื่อเพิ่มศักยภาพและโอกาสการลงทุนทั่วโลก และตอบโจทย์ระยะยาวสร้างผลตอบแทนให้กับลูกค้าระดับร้อยละ 4-6
สำหรับ INVESCO มีสินทรัพย์ที่บริหาร (AUM) อยู่ที่ 954 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีสาขาในประเทศต่าง ๆ รวม 25 ประเทศ มีมุมมองต่อการลงทุนว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่ชะลอลง ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐมีแนวโน้มชะลอการขึ้นดอกเบี้ย โดยยังมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่ แต่ต้องพิจารณาเป็นรายสินทรัพย์ เงินดอลลาร์สหรัฐอาจจะแข็งค่าขึ้น ขณะที่เงินสกุลในตลาดเกิดใหม่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง ส่วนราคาน้ำมันเฉลี่ยประมาณ 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยมองการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกยังน่าลงทุน เช่น การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เพราะยังให้ผลตอบแทนดีในภาวะดอกเบี้ยต่ำ แนะนำนักลงทุนกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ
ด้าน น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยหลังเทศกาลวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ตอบรับปัจจัยบวกแนวโน้มเศรษฐกิจจีนที่มีสัญญาณที่ดีขึ้นประกอบกับ MSCI เตรียมปรับเพิ่มน้ำหนักในตลาดหุ้นไทยมีผลในเดือนพฤษภาคม ทำให้น้ำหนักลงทุนเพิ่มเป็นร้อยละ 3 จากเดิมร้อยละ 2.5 แต่ยังมีปัจจัยกดดันภาวะตลาด คือ การที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เตรียมทบทวนประมาณการทางเศรษฐกิจของไทยปีนี้ใหม่จากประมาณการปัจจุบันที่ร้อยละ 4 จากประเด็นความเสี่ยงเรื่องการส่งออกที่เติบโตไม่มากจากปีก่อนหน้า และการปรับลดคาดการณ์ GDP โลกและการค้าโลกของ IMF และปัจจัยการเมืองที่ยังไม่มีความแน่นอนและชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล คาดดัชนีหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,655 – 1,680 จุด ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุน ในหุ้นที่คาดว่า MSCI มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักลงทุน เช่น SCC, EGCO, CPN, LH, TU, BANPU, BH, BBL, BDMS และ KBANK และหุ้นกลุ่มธนาคารให้น้ำหนักลงทุน Neutral .-สำนักข่าวไทย
![](https://imgs.mcot.net/images//2019/04/1555574316393.jpg)