ภูเก็ต 12 เม.ย.-ไฟไหม้วอดอาคารร้านขายของสินค้าที่ระลึก บริเวณถนนเรียบชายหาดป่าตอง จ.ภูเก็ต นักท่องเที่ยวสำลักควัน 3-4 คน
เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคาร 3 คูหา 4 ชั้นที่เป็นร้านของสินค้าที่ระลึกนานาชนิด และห้องเช่า ที่หน้าป่าตองทาวเวอร์ ถ.ทวีวงศ์ (ถนนเรียบชายหาดป่าตอง) ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต โดยเจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารภัยเ ทม.ป่าตอง นำรถดับเพลิงจำนวน 6 คัน เข้าทำการฉีดน้ำสกัดเพลิงที่กำลังโหมรุกไหม้อย่างรุนแรงที่ชั้นล่างและรุกลามขึ้นไปยังบริเวณชั้น 2-3 อย่างรวดเร็ว เนื่องจากสินค้าที่เป็นจำพวกหนังและพาสติกนั้นเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ประกอบกับมีลมกรรโชกแรงเนื่องจากอยู่ชายหาดป่าตอง และลมหวนไปมาตลอดเวลาทำให้เพลิงโหมรุกไหม้อย่างหนักเจ้าหน้าที่ทำงานด้วยความยากลำบาก ประชาชนและนักท่องเที่ยวหนีตายกันกระเจิง และต้องเข้าทำการฉีดน้ำสกัดทั้ง 4 ทางคือด้านหน้าด้านหลัง เพื่อป้องกันไม่ให้เพลิงรุกลามไปยังร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม และบ้านเรือนของประชาชนที่ปลูกอยู่อย่างหนาแน่น ยิ่งทำให้เพลิงรุกไหม้ทะลุขึ้นไปยังชั้น 3 ของอาคารทั้ง 3 คูหาไหม้ทรัพย์สินภายในวอด
โดยนายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าฯ ภูเก็ต นำเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ภูเก็ต นำรถดับเพลิงและรถกระเช้าอีก 3 คันมาช่วยดับเพลิงและอำนวยการดับเพลิงด้วยตนเอง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้แต่ไฟได้ไหม้ทรัพย์สินทั้ง 3 ชั้นของอาคารทั้ง 3 คูหา ไปหมด โดยเฉพาะร้านขายสินค้าที่ระลึก 1 คูหาวอดหมด และห้องเชาอีก 2 คูหา ไหม้ถึงชั้น 3 เหลือชั้น 4 โชคดีที่เจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือประชาชนและนักท่องเที่ยวที่พักอยู่ออกมาได้หมด ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ มีเพียงสำลักควันไฟ 3-4 คนเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่เช่าอยู่ ส่วนมูลค่าความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้ แต่คาดว่าหลายล้านบาท
พ.ต.อ.อโณทัย จินดามณี ผกก.สภ.ป่าตอง ตงป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เปิดเผยว่าจากการสอบสวนเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ไหม้จากสายไฟและสายสื่อสารต่างจำนวนมาก ที่อยู่ติดกับหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่และสะเก็ดตกลงใส่หลังคาร้านค้าและรุกไหม้อย่างรวดเร็วเบื้องอาคารได้รับความเสียหาย 3 คูหา ส่วนสาเหตุที่แท้จริงนั้นต้องให้พนักงานสอบสวนหาสาเหตุอีกครั้งหนึ่งรวมทั้งรอเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธร จ.ภูเก็ต ลงตรวจสอบในพรุ่งนี้เช้าก่อน.-สำนักข่าวไทย