กรุงเทพฯ 1 เม.ย.- รมว.เกษตรฯ เผย รมต.ต่างประเทศโอมาน เข้าพบและแสดงความสนใจเทคโนโลยีการนำยางพาราไปผสมทำถนนของไทย กยท.จึงนำลงพื้นที่ไปศึกษาดูงานถนนยางพาราต้นแบบที่ จ.ฉะเชิงเทรา โดยโอมานได้สั่งซื้อยางพาราไปทดลองทำถนนจำนวนหนึ่ง และหากพบว่ามีความเหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศ จะสั่งซื้อเพิ่มอีก
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากการที่นายยูซูฟ บิน อลาวี บิน อับดุลลาห์ รัฐมนตรีด้านการต่างประเทศ รัฐสุลต่านโอมาน เข้าพบและแสดงความสนใจเทคโนโลยีการนำยางพาราไปผสมทำถนนของไทย เนื่องจากเห็นว่าไทยส่งออกยางพารามากที่สุดในโลก ไทยพร้อมสนับสนุนทั้งทางเทคโนโลยีและวัตถุดิบอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสการค้า การลงทุน และแสดงถึงมาตรฐานนวัตกรรมยางพาราไทยที่ได้รับการยอมระดับนานาชาติ อีกทั้งโครงการถนนผสมยางพาราได้รับการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมระดับชาติ โดยมีความโดดเด่น คือ เพิ่มคุณสมบัติการทนความร้อน มีความยืดหยุ่น ลดการลื่นไถล ทำให้การขับขี่ปลอดภัยมากขึ้น อีกทั้งมีความแข็งแรงและมีอายุการใช้งานที่นานกว่าถนนแอสฟัลต์ปกติเหมาะสมกับประเทศในเขตร้อน รัฐสุลต่านโอมานมีสภาพภูมิประเทศเป็นทะเลทรายจึงสนใจ
การยางแห่งประเทศไทย หรือ กยท. นำคณะของรัฐมนตรีต่างประเทศโอมานเดินทางไปศึกษาดูงานถนนยางพาราต้นแบบที่ จ.ฉะเชิงเทรา ทั้งถนนดินซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางพารา และถนนแอสฟัลต์คอนกรีตปรับปรุงคุณภาพด้วยยางพารา ได้สั่งซื้อยางพาราไปทดลองทำถนนจำนวนหนึ่ง และหากพบว่ามีความเหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศจะสั่งซื้อเพิ่มเติมอีก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ กล่าวด้วยว่า ไทยพร้อมสนับสนุนทั้งทางเทคโนโลยีและวัถตุดิบอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสการค้า การลงทุน และแสดงถึงมาตรฐานนวัตกรรมยางพาราไทยที่ได้รับการยอมระดับนานาชาติ และการที่รัฐบาลสนับสนุนงบชดเชยดอกเบี้ยผ่านสหกรณ์ไปรับซื้อยางโดยตรงจากสถาบันเกษตรกรสวนยาง นำไปแปรรูปเป็นยางวัตถุดิบส่งออกตลาดต่างประเทศ นโยบายลดพื้นที่ปลูกยางอายุ 25 ปีขึ้นไป 400,000 ไร่/ปี รวมถึงมาตรการต่างๆ เพิ่มปริมาณการใช้ยางของหน่วยงานรัฐ ทำให้ราคายางปรับตัวมาอยู่ที่กิโลกรัมละ 54 บาท ซึ่งใกล้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ คือ ไม่ต่ำกว่า 60 บาท/กิโลกรัม.-สำนักข่าวไทย