กรุงเทพฯ 25 มี.ค. – ไทยออยล์หารือไออาร์พีซี-จีซี เพื่อต่อยอดนำแนฟทา 1 ล้านตัน โครงการ CFP ผลิตปิโตรเคมี คาดไตรมาส 1/62 กำไรสตอกน้ำมัน
นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)(TOP) เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาปิโตรเคมีหลังจากจะมีกำลังผลิตแนฟทารวม 1 ล้านตัน/ปี หลังโครงการพลังงานสะอาด (CFP) มูลค่า 4,719 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2565 แล้วเสร็จ โดยศึกษาร่วมกับกลุ่ม ปตท.ว่าจะร่วมมืออย่างไร จะเป็นการร่วมมือต่อยอดกับ บมจ.พีทีที โกลบอลเคมิคอล (จีซี ) หรือ บมจ.ไออาร์พีซี คาดว่าจะได้ข้อสรุปปีนี้
“หลัง CFP เสร็จจะได้แนฟทารวม 1 ล้านตัน หากนำไปผลิตเอทิลีนจะมีอัตราส่วน 3 : 1 ได้เอทิลีนแค่ 300,000 กว่าตัน ก็อาจไม่คุ้ม หากไทยออยล์ต้องทุนเอง ดังนั้น จึงต้องหารือว่าจะร่วมทุนกับบริษัทในเครือปตท.ว่าจะลงทุนอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด” นายอธิคม กล่าว
สำหรับโครงการ CFP จะทำให้ไทยออยล์มีกำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้นจาก 275,000 บาร์เรล/วัน เป็น 400,000 บาร์เรล/วัน คาดจะเริ่มก่อสร้างเดือนมิถุนายนนี้ ส่วนแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดที่มีอยู่ 70,000 ล้านบาท และออกบอนด์อีก 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 30,000 กว่าล้านบาท รวม 100,000 ล้านบาท และบริษัทฯ ยังมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ปีละ 700-800 ล้านดอลลาร์ เมื่อหักเงินปันผลและภาษีเหลือปีละ 300-400 ล้านดอลลาร์ จึงเพียงพอต่อการลงทุนโดยไม่บริษัทฯ ต้องปรับโครงสร้างทางการเงิน
ส่วนผลการดำเนินงานบริษัทไตรมาส 1/2562 คาดว่าบริษัทฯ จะมีกำไรจากสตอกน้ำมันเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2561 เนื่องจากคาดว่าราคาน้ำมันดิบปิดไตรมาสนี้สูงกว่าไตรมาสที่แล้วประมาณ 57 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งล่าสุดราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 64 ดอลลาร์/บาร์เรล
ด้านนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ จีซี กล่าวว่า บริษัทได้มีการศึกษาร่วมกับไทยออยล์ในการนำแนฟทา ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากโครงการ CFP มาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่ง PTTGC มีโครงการ Olefins Reconfiguration (ORP) เป็นโครงการที่นำแนฟทามาเป็นวัตถุดิบ (Feedstock) เพื่อผลิตเอทิลีน 500,000 ตันต่อปี โพรพิลีน 261,000 ตันต่อปี เพื่อต่อยอดไปสู่กลุ่มอุตสาหกรรมขั้นต่อเนื่อง (Downstream) แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป.-สำนักข่าวไทย