กรุงเทพ 10 พ.ค. – ไทยออยล์จับตาเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน รวมถึงผลกระทบคว่ำบาตรอิหร่านกระทบความต้องการใช้น้ำมัน ยังคงคาดราคาน้ำมันดิบปีนี้ 65 ดอลลาร์/บาร์เรล
นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) กล่าวว่าตลาดน้ำมันจับตาผลการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนวันนี้อย่างใกล้ชิด ว่าจะจบลงอย่างใด ซึ่งหากตกลงกันไม่ได้ สหรัฐปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 25 ก็คาดว่าจีนจะต้องตอบโต้ จะมีต่อเศรษฐกิจโลกอาจชะลอลงและกระทบต่อความต้องการน้ำมันให้ลดลงไปด้วย อย่างไรก็ตาม อีกปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคาน้ำมัน คือ การคว่ำบาตรอิหร่านที่กระทบต่อกำลังผลิตในตลาดโลก ซึ่งถือว่า 2 ปัจจัยนี้กระทบในแง่ความต้องการและกำลังผลิตน้ำมัน ซึ่งทางไทยออยล์ยังคงไม่ปรับคาดการณ์ราคาน้ำมันใหม่อีกรอบ โดยประเมินสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบปีนี้เฉลี่ยประมาณ 65 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
ส่วนค่าการกลั่น (GRM) ไม่รวมผลกระทบจากสตอกน้ำมันในช่วงไตรมาส 2/2562 คาดว่าจะดีกว่าระดับ 3 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลในไตรมาส 1/2562 หลังเข้าสู่ช่วงฤดูการขับขี่ (driving season) และการปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่นหลายแห่งในสหรัฐและยุโรป แต่ส่วนต่าง (สเปรด) ผลิตภัณฑ์พาราไซลีน (PX) มีทิศทางอ่อนลง จากที่เริ่มมีกำลังการผลิตใหม่ในตลาดโลกประมาณ 1 ล้านตัน/ปี เริ่มทยอยเข้ามาในช่วงนี้ ส่วนสถานการณ์ค่าการกลั่นเริ่มดีขึ้นจากปลายไตรมาสแรก จากทั้งความต้องการผลิตภัณฑ์น้ำมันเบนซินที่ขยับขึ้นตามช่วงฤดูการขับขี่ ส่งผลส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินและน้ำมันดิบอยู่ที่ประมาณ 6-8 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จากช่วงต้นปีที่อยู่ประมาณ 3-4 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ส่วนต่างราคาดีเซลและน้ำมันอากาศยาน ยังทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 12-13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
นายอธิคม ประเมินว่า ครึ่งหลังของปีนี้ส่วนต่างของดีเซลและน้ำมันอากาศยาน น่าจะดีขึ้นจากที่องค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) กำหนดให้เรือเดินสมุทรต้องใช้น้ำมันเตาที่มีค่ากำมะถันต่ำไม่เกินกว่าร้อยละ 0.5 จากร้อยละ 3.5 ในปัจจุบัน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 จะทำให้มีการใช้น้ำมันดีเซลเข้ามาเป็นส่วนผสมในน้ำมันเตาเพื่อลดค่ากำมะถันลง ส่วนความต้องการใช้น้ำมันเบนซิน ยังขึ้นกับทิศทางของเศรษฐกิจเป็นสำคัญ
ไทยออยล์ได้แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1/2562 มีกำไรสุทธิ 4,408 ล้านบาท ลดลงจากกำไรสุทธิ 5,608 ล้านบาทในไตรมาส 1/2561 จากกำไรขั้นต้นของการผลิตของกลุ่ม (GIM) ที่ลดลง โดยมี GIM ไม่รวมผลกระทบจากสตอกอยู่ที่ 5.2 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จาก 8.2 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลในงวดปีก่อน เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ปรับลดลง.-สำนักข่าวไทย
