fbpx

รมว.ศธ. ย้ำอย่าหลงเชื่อฝากเด็กเข้าเรียน

ศธ.19 มี.ค.-รมว.ศึกษาฯ เตือนอย่าหลงเชื่อแอบอ้างรับฝากเด็กได้ พร้อมยืนยันไม่ต้องย้ำอีกเรื่อง ‘แป๊ะเจี๊ยะ’ เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง ส่วนกรณีพบรถตู้ 2 คันในโรงเรียนดัง อยู่ระหว่างการตรวจสอบ  


นพ.ธีระเกียรติ  เจริญเศรษฐศิลป์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวถึงกรณีการรับนักเรียน ว่า การรับนักเรียนมีการตรวจสอบเข้มข้นไม่ใช่แค่กระทรวงศึกษาธิการ แต่ยังมี ป.ป.ช.ลงพื้นที่ร่วมตรวจสอบ ขอยืนยันว่าผู้บริหาร ศธ. ตั้งแต่ระดับรัฐมนตรี  ทีมงานรัฐมนตรี คนที่เป็นผู้ใหญ่ทุกคนไม่มีการรับฝากเด็กแน่นอน ไม่ต้องนำไปอ้างหากมีใครไปอ้างเป็นการโกหกทั้งนั้น ซึ่งทุกคนต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้องทั้งต่อหน้าและลับหลัง ใครที่ไปรับเงินขอให้รู้ด้วยว่าคนที่จ่ายเก็บหลักฐานไว้หมดไม่มีใครจ่ายฟรีๆ 


สำหรับกรณีที่พบรถตู้ 2 คันในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษานั้น รมว.ศึกษาฯกล่าวว่า ต้องไปตรวจ สอบว่าใครเป็นผู้ปรารถนาดีและเกี่ยวข้องกับใครหรือไม่ ส่วนจะเกี่ยวข้องกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาหรือไม่ ตนไม่ทราบ ยังไม่อยากให้ความเห็นหรือปรักปรำใคร แต่ทราบแค่ว่ากรณีดังกล่าวมีการสอบอดีต ผอ.โรงเรียนอยู่ แต่ไม่รู้รายละเอียด สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ยังไม่มีรายงานเข้ามา 


ส่วนที่นายโสภณ กมล ผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ได้ตั้งคณะ กรรมการสืบข้อเท็จจริงถึงที่มาที่ไปของรถตู้ทั้ง 2 คันนั้น ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่แน่ใจว่า ผอ.โรงเรียนปัจจุบันสามารถสืบข้อเท็จจริงอดีต ผอ.โรงเรียนได้หรือไม่นั้น ตรงนี้อาจต้องไปดูรายละเอียดด้วย ซึ่งให้โรงเรียนทำไปตามขั้นตอนรายงานไปยังเขตพื้นที่ฯ และรายงานต่อมายัง สพฐ.โดยตนจะได้กำชับไปยัง สพฐ.อีกครั้งให้ติดตามเรื่องดังกล่าวใกล้ชิด 

สำหรับเรื่องแป๊ะเจี๊ยะนั้น นพ.ธีระเกียรติ กล่าวย้ำว่า เรื่องแป๊ะเจี๊ยะไม่ต้องกำชับเป็นพิเศษเพราะเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องทำตามเหมือนปีที่ผ่านมาไม่มีปัญหาอะไร ประชาชนต้องได้รับความยุติธรรม อย่างรถตู้ก็ต้องตรวจสอบที่มาที่ไป ผู้บริหารต้องรับผิดชอบ ความจริงก็มีมาตรการชัดเจนผู้ปกครองก็รับรู้แต่ก็ยังมีคนพยายามประสบความสำเร็จและบางคนก็ไม่พยายามแต่ไม่ประสบความสำเร็จ แล้วก็มีการแฉกัน แต่ตนว่าอย่าให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในประเทศ ซึ่งให้สิทธิประชาชนทุกคนแสดงความเห็น ร้องเรียนได้ ภายใต้กฎหมาย  กับตนแม้กระทั่งมีคนมาฝากขอให้แค่ของกิน ยังระวัง ประสาอะไรกับการฝากเด็กยิ่งต้องระวังไม่ให้มีเกิดขึ้น

ส่วนนโยบายการรับนักเรียนจะมีการสานต่อในรัฐบาลชุดใหม่หรือไม่นั้น รมว.ศึกษาฯ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าความต่อเนื่องของนโยบายที่ดีนักการเมืองใครเข้ามาก็ต้องทำคิดคงไม่มีใครกล้าเปลี่ยน เช่น การปรับลดการรับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษเหลือ 4 ประเภทจากเดิม 7 ประเภท ซึ่งคิดว่าไม่มีใครเปลี่ยน เพราะสังคมในปัจจุบันมีการตรวจสอบกันมากขึ้นและจากที่ได้ข้อมูลก็พบว่าช่วงปีที่ผ่านมาผู้ปกครองประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปจำนวนมาก

ด้านนายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวถึงกรณีโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ได้รับบริจาครถตู้ 2 คันจากผู้ปกครองมาตั้งแต่ช่วงปี 2560 ว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องดังกล่าว ซึ่งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียนอำนาจหน้าที่บริหารจะอยู่ที่ ผอ.โรงเรียน แต่จากที่ติดตามข่าวก็เห็นว่า ผอ.โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ก็ยังตกใจกับเรื่องนี้และได้ตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงแล้ว ก็ต้องรอให้มีการสืบก่อนว่าเป็นการได้มาอย่างไร เพื่อประโยชน์ราชการหรือไม่ขอให้รอสรุปชัดเจนก่อน 

ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะได้รับมาในช่วงที่มีการรับนักเรียน ถ้าเป็นการบริจาคเพื่อแลกกับการเข้าเรียนตรงนี้มีกฎหมายชัดเจนมาตรการป้องกันการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียนสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่าการบริจาคต้องไม่มีเงื่อนไขแลกที่นั่งเรียน ซึ่งมีความผิด .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย