บูรณาการรักษาความปลอดภัยเส้นทางรถไฟ

ยะลา 21 ก.ย. – หน่วยงานความมั่นคง ประสานความร่วมมือชุมชน-ชาวบ้าน-โรงเรียน ช่วยดูแลระงับเหตุริมทางรถไฟสายใต้ ระบุ การยกเลิกตำรวจรถไฟไม่มีนัยสำคัญต่อการก่อเหตุ เนื่องจากภารกิจเป็นคนละส่วนกัน


พล.ท.ธัชพล เปี่ยมวุฒิ ผอ.ศปป.5 กอ.รมน. พร้อมคณะนายทหาร เดินทางตรวจเยี่ยม การปฏิบัติการของร้อย.อส.รถไฟ ที่สถานีรถไฟจังหวัดยะลา โดยมีนายหมวดโท ณรงค์ นุทผล ผู้บังคับกองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่ 2 กองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน ให้การต้อนรับ

ทั้งนี้ได้บรรยายถึงการปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยขบวนรถไฟของหน่วยต่อสื่อมวลชนว่า ปัจจุบัน กองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่ 2 มีหน้าที่รับผิดชอบรักษาความปลอดภัยขบวนรถไฟจำนวน 18 ขบวนต่อวัน เป็นระยะทาง 270 กิโลเมตร ตั้งแต่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ไปจนถึงอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส


โดยมีการจัดวางกำลัง แบ่งเป็น 3 หมวดในการปฏิบัติ ได้แก่ หมวดปฏิบัติการที่ 1 อยู่ที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ รับผิดชอบรถไฟ 10 ขบวนต่อวัน ทั้งเที่ยวไปและกลับ ประกอบด้วย ขบวนรถเร็วกรุงเทพฯ – สุไหงโก-ลก ขบวนรถพิเศษรับส่งสินค้า กรุงเทพฯ – สุไหงโก-ลก ขบวนรถท้องถิ่น พัทลุง – สุไหงโก-ลก ขบวนรถด่วนพิเศษกรุงเทพฯ – สุไหงโก-ลก ขบวนรถเร็ว กรุงเทพฯ – ยะลา ขณะที่ หมวดปฏิบัติการที่ 2 ยะลา ตั้งอยู่ที่สถานีรถไฟยะลา รับผิดชอบ ขบวนรถไฟ 6 ขบวน ทั้งเที่ยวไปกลับ ประกอบด้วย ขบวนท้องถิ่น ยะลา – สุไหงโก-ลก ขบวนท้องถิ่น นครศรีธรรมราช-ยะลา และขบวนท้องถิ่น นครศรีธรรมราช – สุไหงโก-ลก หมวดปฏิบัติการที่ 3 สุไหงโก-ลก อยู่ที่สถานีรถไฟสุไหงโก-ลก รับผิดชอบขบวนรถไฟ 2 ขบวนต่อวันทั้งเที่ยวไปและกลับ ได้แก่ ขบวนท้องถิ่น สุราษฎร์ธานี – สุไหงโก-ลก

ซึ่งแต่ละหน่วยจะจัดกำลังขึ้นรักษาความปลอดภัยขบวนรถ ขบวนละสิบนาย ซึ่งในปัจจุบัน เส้นทางที่หน่วยดูแล มีจุดที่เกิดเหตุซ้ำซากอยู่ 20 จุด ทั้งการก่อเหตุวางระเบิด และซุ่มยิงคนขับขบวนรถไฟ ก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ในการวางแนวทางป้องกันและแก้ไข นายประชานิวัฒน์ บัวศรี หัวหน้างาน ศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดชายแดนภาคใต้ การรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวเสริมว่า ได้มีการจัดกิจกรรมมวลชนสัมพันธ์ในโอกาสต่าง ๆ โดยเฉพาะตามชุมชนมัสยิด ตลอดจนโรงเรียนต่างบริเวณริมทางรถไฟ เพื่อสร้างสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ สร้างการมีส่วนร่วมให้ชุมชนช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตรวจตราจุดเสี่ยงต่าง ๆ เมื่อพบพิรุธ จะได้สามารถช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่ป้องกันและระงับเหตุได้ อาทิ โครงการพานักเรียนตลอดแนวทางรถไฟ ในจังหวัดต่างๆ ไปทัศนศึกษา การจัดกิจกรรมของมัสยิด หรือล่าสุดที่กำลังจะดำเนินการ ได้แต่โครงการจัดที่ 2 ข้างทางรถไฟ ให้เป็นพื้นที่ปลูกหญ้าเลี้ยงวัวสำหรับชาวบ้าน เพื่อให้ชาวบ้านร่วมเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่ได้ พร้อมทั้งมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ป้องกันเหตุด้วย เช่น การของบประมาณสนับสนุนจากการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อติดตั้งกล้องวงจรปิดในพื้นที่จุดเสี่ยง รวมถึงมีโครงการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยบนขบวนรถไฟ แต่ด้วยอายุการใช้งานของขบวนรถไฟซึ่งเก่าแล้ว ทำให้อาจไม่สามารถรองรับเทคโนโลยีบางอย่างได้

ทั้งนี้พ.อ.อนุชา โนนคู่เขตโขง รองเลขาธิการ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวเสริมด้วยว่า ในกรณีที่มีข่าวสารในพื้นที่ว่าอาจมีมูลเหตุการก่อความไม่สงบขึ้น จะมีการยกระดับการรักษาความปลอดภัยในจุดเสี่ยงต่าง ๆ ขึ้น เช่น วางกำลังรักษาความปลอดภัยจำนวนมากยิ่งขึ้นเพื่อเฝ้าระวังเหตุ เป็นต้น


ทั้งนี้ จากข้อมูลของกองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่ 2 ได้สรุปพื้นที่เพ่งเล็ง พื้นที่เสี่ยง พื้นที่ล่อแหลม และพื้นที่เคยเกิดเหตุซ้ำ ในแต่ละจังหวัด ดังนี้ จังหวัดนราธิวาส พบที่อำเภอระแงะ มากสุด 5 ครั้ง เป็นเหตุลอบซุ่มยิง 3 ครั้งวางระเบิด 2 ครั้ง ส่วนอำเภอเจาะไอร้อง พบ 3 ครั้ง เป็นเหตุวิสามัญคนร้าย 1 ครั้ง และลอบซุ่มยิง 2 ครั้ง ขณะที่อำเภอรือเสาะ เกิด 6 ครั้งประกอบด้วย เหตุลอบซุ่มยิง 3 ครั้ง ระหว่างระเบิด 3 ครั้ง ด้านจังหวัดยะลา พบเฉพาะที่อำเภอรามัน จำนวน 4 ครั้ง เป็นเหตุลอบซุ่มยิง 2 ครั้งและวางระเบิด 2 ครั้ง ส่วนจังหวัดปัตตานี พบที่อำเภอโคกโพธิ์ 2 ครั้ง โดยเป็นเหตุลอบวางระเบิดทั้ง 2 ครั้ง ทั้งนี้ภารกิจของหน่วยฯ นอกจากเฝ้าระวังเหตุ ยังมีภารกิจด้านอื่น เช่น การเฝ้าตรวจตราสกัดกั้นยาเสพติด ซึ่งมีสถิติ เคยจับได้ อาทิ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2561 จับกุมยาบ้าได้ 200,000 เม็ด บนขบวนรถกรุงเทพฯ – ยะลา นอกจากนี้ยังมีการเฝ้าระวังกรณีการเดินทางเข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย หรือพำนักเกินเป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ทุกหน่วยงานที่บูรณาการการทำงานร่วมกัน ให้ข้อมูลที่สอดคล้องกันว่าการยกเลิกตำรวจรถไฟ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในทางสถิติ ไม่ได้มีนัยหรือความสำคัญ ต่อเหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้นต่อขบวนรถไฟ เนื่องจากภารกิจของตำรวจรถไฟ ส่วนใหญ่อยู่ในขบวนรถ ขณะที่เหตุระเบิด มักเกิดกับการลอบวางระเบิดที่รางรถไฟ หรือการซุ่มยิงจากข้างทางมากกว่า -313 .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ถก สมช.-ครม.นัดพิเศษ พิจารณาข้อตกลงหยุดยิง

ทำเนียบรัฐบาล 6 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ พิจารณาข้อตกลงหยุดยิงไทย-กัมพูชา ด้าน “บิ๊กเล็ก” ตั้งเกณฑ์วัดความจริงใจกัมพูชา 3 ระดับ บอกผ่าน GBC ระดับเลขาฯ แล้ว เบื้องต้นบรรลุข้อลงหยุดยิง ตามข้อเสนอ 8 ข้อ ขอรอดูปฏิบัติจริง ย้ำ MOU43 ยังมีประโยชน์เป็นข้ออ้างกล่าวหาเขมรได้-ขอสบายใจ ยึดประโยชน์ชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีรัฐพิเศษเพื่อที่จะรับรองข้อตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ภายหลังคณะเลขานุการ GBC ไทย ได้เดินทางไปยังประเทศมาเลเซียเพื่อหารือในวงเล็กมาก่อนหน้านี้ โดยบรรยากาศการประชุมมีบรรดารัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอาทิ พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายชูศักดิ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย รวมถึงคณะเลขานุการ GBC เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง พลเอกณัฐพล เปิดเผยก่อน การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) […]

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 15 […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจสอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย