นครศรีธรรมราช 18มี.ค.-นายกฯ ร่วมพิธีแห่ผ้าขึ้นห่มองค์พระบรมธาตุฯ พร้อมอธิษฐานให้คนนครศรีธรรมราช คนไทยทั้งประเทศและบ้านเมือง เดินหน้าไปด้วยความปลอดภัย ปรองดอง สันติ และยั่งยืน พร้อมส่งมอบบ้านใหม่ ให้ผู้ประสบภัยพายุ ปาบึก ย้ำต้องทำชีวิตคนรุ่นใหม่ให้ดีกว่าเดิม
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เดินทางมายังวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช กราบนมัสการเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุฯ และเข้าสักการะพระบรมธาตุเจดีย์ โดยนายกรัฐมนตรี และคณะ ได้ร่วมพิธีแห่ผ้าขึ้นห่มองค์พระบรมธาตุ ร่วมกับประชาชน โดยระหว่างเดินได้ร่วมสวดมนต์บทอิติปิโส โดยบรรยากาศที่วัดมหาธาตุฯ ประชาชนมารอต้อนรับนายกฯอย่างอบอุ่น ขอถ่ายรูปกับนายกฯตลอดทาง พร้อมมอบดอกไม้ ให้กำลังใจ และบอกรักนายกฯ ซึ่งนายกฯ บอกให้รักกันนานๆ ทั้งนี้ มีป้าคนหนึ่งนำเหรียญขุนพันธ์มาให้เพื่อให้ปกป้องดูแลนายกฯ ทำงานให้ประเทศต่อไปนานๆ
จากนั้น นายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานส่งมอบบ้านและให้กำลังใจผู้ประสบภัยจากพายุโซนร้อนปาบึก ที่ ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยรับฟังบรรยายสรุป การฟื้นฟูและก่อสร้างบ้านให้กับประชาชนผู้ประสบภัยจากพายุโซนร้อนปาบึก ที่มีการก่อสร้างบ้านให้ประชาชนใหม่ จำนวน 316 หลัง
นายกรัฐมนตรี กล่าวทักทายชาวบ้านด้วยภาษาใต้ ว่า “แหลงใต้ หรอยแรงๆ” และ ขอบคุณทุกภาคส่วน ที่ช่วยเหลือประชาชน วันนี้มาแสดงความยินดีที่ได้รับบ้านใหม่ ที่ถึงจะสร้างด้วยเวลาไม่นาน แต่ก็แข็งแรง ขออย่าเกลียดเจ้าหน้าที่เพราะถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่ ก็ไม่มีใครมาช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติ และวันหน้าต้องมีการเตรียมการ เมื่อมีการแจ้งเตือนจากภาครัฐ ไม่เช่นนั้นจะเกิดความสูญเสียจำนวนมาก
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มีโอกาสไปไหว้พระธาตุฯ อธิษฐานขอให้ประชาชน คนนครศรีธรรมราช คนภาคใต้ คนทั้งประเทศ และบ้านเมือง เดินหน้าไปด้วยความปลอดภัย ปรองดอง สันติ และยั่งยืน พร้อมบอกว่าทุกคนต้องอยู่ด้วยสังคมพหุวัฒนธรรม และยืนยันกำลังทำยุทธศาสตร์ 20ปี ให้กับเด็กๆ ซึ่งเป็นอนาคตของประเทศ และรัฐบาลทำให้กับทุกคน ทั้งคนที่รักและไม่ได้รัก จากนี้จะต้องดูปัญหาการจัดสรรที่ดิน ป่าชายเลน ที่ต้องปลดล็อกให้ แต่ต้องหามาตรการที่เหมาะสม และไม่อยากใช้กฎหมายบังคับไปทุกเรื่องทั้งนี้ต้องทำชีวิตคนรุ่นใหม่ให้ดีกว่าเดิม วันนี้เป็นการนับหนึ่งให้ประชาชน หากไม่ทำะไรเลยแล้วจะอยู่กันอย่างไร และอย่าให้ใครนำพาให้ทะเลาะกันอีก.-สำนักข่าวไทย