ม.ธรรมศาสตร์18 ก.พ.-คณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มธ.เเจง ข้อเท็จจริงปมปรับปรุงตึกตู้ปลาย้ำโปร่งใสไม่มีทุจริต หารือประชาคมมาตลอด ผ่านบอร์ดบริหารแล้ว ยอมรับอาจไม่ถูกใจคณาจารย์แต่คำนึงประโยชน์เด็กสูงสุด พร้อมเดินหน้าหารือ 25 ก.พ.นี้ ด้านฝั่งคณาจารย์ค้าน ขอดูหนังสือเอกสารต่างๆ หลังร้องขอเเต่ไม่ได้รับการตอบรับ
นายพิภพ อุดร คณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ เป็นประธานเเถลงข่าวกรณีการปรับปรุงชั้นล่างตึกตู้ปลาของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลังมีคณาจารย์ในคณะเดียวกันออกมาคัดค้าน เนื่องจากมองว่ามีความไม่โปร่งใส ว่า การปรับปรุงตึกตู้ปลาครั้งนี้เพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ทำงานร่วมกันของนักศึกษาจากเดิมมีพื้นที่จำกัดเเละกำหนดให้ทำงานในเวลาจำกัด เเละต้องการให้ตึกตู้ปลาเป็นพื้นที่สร้างเเละต่อยอดไอเดียไปสู่ธุรกิจจริงได้
โดยการปรับปรุงชั้นล่างของตึกครั้งนี้ คือการย้ายออฟฟิศออกเพื่อคืนพื้นที่ให้นักศึกษา เเละสร้าง iLabเเละiSpace ครอบคลุมพื้นที่ 1,120 ตารางเมตร เเบ่งเป็นห้องทำงาน ห้องประชุมเล็กใหญ่ เวทีพูดคุยนักลงทุนเเละพื้นที่เอนกประสงค์ โดยมีพันธมิตรในการก่อสร้างคือธนาคารไทยพาณิชย์ เเละร้าน Too fast too sleep เข้ามาช่วยปรับปรุงทั้งหมด เเละให้ธนาคารเช่าพื้นที่ประมาณ 30 ตารางเมตร และให้ร้าน Too fast too sleep 20 ตารางเมตร งบการรื้อถอนที่มหาวิทยาลัยใช้ครั้งนี้กว่า 28 ล้าน เเบ่งเป็นตึกตู้ปลา 18 ล้าน เเละตึกริมน้ำ 10 ล้าน/ ส่วนงบเอกชนใช้ในการก่อสร้างเกิอบทั้งหมด คาดว่าใช้ปรับปรุงกว่า ตารางเมตรละ 20,000-25,000 บาท
นายพิภพ กล่าวต่อว่า การทำงานครั้งนี้ยืนยันไม่มีการทุจริต ทำไปเพราะคำนึงถึงประโยชน์ของเด็กเป็นหลัก เเละเตรียมจะชี้เเจงคณาจารย์เพิ่มเติมวันที่25 ก.พ.นี้ซึ่งหากตกลงได้ พร้อมเเจ้งเดินหน้าให้พันธมิตรก่อสร้างต่อได้ คาดว่าภายในกรกฎาคมน่าจะเปิดพื้นที่ใช้งานได้ ส่วนกรณีหากตกลงไม่จบนั้น มองว่าไม่น่าจะเป็นเเบบนั้น เพราะสถานที่ที่ใช้ก่อสร้างก็ได้รับอนุญาตจริงรูปแบบการก่อสร้างต่างๆก็ได้รับความเห็นชอบเเล้ว การทุจริตก็ไม่มีแน่นอน หากจะระงับก็คงเพราะนักศึกษาเรียกร้องไม่ให้ก่อสร้างหรือการก่อสร้างผิดหลักการใช้พื้นที่ ส่วนกรณีให้เปิดเผยเอกสารทั้งหมดตนยินดีเปิดเผยเเละที่ผ่านมาก็เปิดเผยมาโดยตลอด เเต่ขอความร่วมมือไม่ให้เผยแพร่ในบางส่วนด้วย
ด้านนายวิทยา ด่านธำรงกูล รองคณบดีฝ่ายบริหาร คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มธ. กล่าวว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นมากกว่า 2 ปี ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีการทำประชาคม หรือทำโดยพลการ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างโปร่งใสชัดเจน โดยคณะได้มีการประชุมคณาจารย์เพื่อเเจ้งเรื่องนี้ถึง 8 ครั้ง เริ่มครั้งเเรกในช่วงปี 2559 ซึ่งมีการไม่เห็นด้วยเรื่องเเบบ ก็มีการปรับปรุง เเต่ก็มีความคิดเห็นที่ยังไม่ยุติ จนเดือนก.ค.ปี 2561 มีการจัดทำเวิร์คชอปโดยคณะสถาปัตยกรรม เเละได้เสนอเเบบการก่อสร้างให้บอร์ดใหญ่ เเละมีมติเลือกวันที่ 25 ต.ค.ปีที่เเล้ว เลือกการปรับปรุงเเบบที่ให้พื้นที่การทำงานของเด็กได้มาก จึงส่งสรุปไปให้มหาวิทยาลัย เเละมีการตั้งคณะกรรมการกำกับการปรับปรุงพื้นที่ในปลายเดือนธันวาคม เพื่อให้เป็นไปตามเเผน โดยเริ่มมีการก่อสร้างในช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา เชื่อว่าเรารับฟังมากเเต่อาจไม่ตรงใจทุกคน
ส่วนข้อสังเกตว่าทำไมถึงไม่เปิดให้หลายรายประมูลเข้ามาตั้ง ยืนยันว่านี่ไม่ใช่พื้นที่ทางการค้า การเลือกเพราะมีแนวคิด เทคโนโลยีที่เด็กสามารถใช้งานได้
ด้านนายอานนท์ มาเม้า ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกฎหมาย มธ.กล่าวถึงประเด็นการดำเนินการในที่ราชพัสดุว่าที่ดินในมหาวิทยาลัยเป็นที่ราชพัสดุ อยู่มนการดูเเลของกรมธนารักษ์เเต่ พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ.2558 กำหนดให้มหาวิทยาลัยใช้ จัดการ ปกครอง ดูแล บำรุงรักษาเเละจัดการหาประโยชน์จากทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยเเละที่ราชพัสดุตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุ การใช้ที่ราชพัสดุได้ โดยไม่ต้องขออนุญาตก่อน ผ่านการกลั่นกรองของคณะกรรมการมหาวิทยาลัยเเล้ว และบอร์ดได้อนุญาตให้ใช้พื้นที่ได้ในวันที่ 31 พ.ค.61 เเต่ทั้งนี้เมื่อมีการร้องเรียน จึงได้มีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเเล้วเเละอยู่ระหว่างการสอบสวน คาดว่ามีผู้ทรงคุณวุฒิคณะนิติศาสตร์เข้ามาสอบสวน
ขณะที่นายณภัทร สรอัฑฒ์ ที่ปรึกษาฝ่ายกฏหมาย คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มธ. กรณีที่อดีตผู้ว่า สตง.ออกมาเเย้งเรื่องการก่อสร้างนั้น เมื่อดูข้อเท็จจริงผ่านเพจ ตนตั้งข้อสังเกตว่าไม่ใช่ตัวจริงที่ออกมาเเสดงความเห็นเรื่องนี้
นายเอกจิตต์ จึงเจริญ อดีตผู้อำนวยการโครงการเอ็นบีเอ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มธ. กล่าวว่า ตนพร้อมคณาจารย์พยายามขอข้อมูลเเต่ได้รับการปฏิเสธมาโดยตลอด หรือได้เห็นเอกสารเเต่ก็ไม่ครบ ถ้วน ขณะที่คณาจารย์ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับรูปแบบของการปรับปรุง แต่ผู้บริหารของคณะและมหาวิทยาลัยกลับเลือกรูปแบบที่ไม่มีการตกลงกัน หรือนำเสนอในที่ประชุม นำมาสู่การรื้อทำลายพื้นที่ส่วนสำนักงาน การกระทำดังกล่าวจึงผิดขั้นตอนทางกฎหมาย นับตั้งแต่ขั้นตอนการอนุมัติและการพิจารณา ตามที่ระบุไว้ใน พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นอกจากนี้ ยังอาจมีปัญหาในการเช่าที่ราชพัสดุอย่างไม่โปร่งใส เนื่องจากในครั้งแรกผู้บริหารธนาคารไทยพาณิชย์ เข้ามาบริจาคเพื่อปรับปรุงพื้นที่ จึงไม่มีขั้นตอนการประมูลตามปกติ เมื่อเวลาผ่านไปกลับมาแจ้งว่าธนาคารไทยพาณิชย์เข้ามาเช่าพื้นที่ ไม่มีการแสดงสัญญาอย่างเปิดเผย แม้ทางคณาจารย์จะมีการร้องขอมานาน กระทั่งเข้ามารื้ออาคารเมื่อต้นเดือนมกราคม 2562 ประชาคมก็ยังไม่ทราบว่าเป็นความรับผิดชอบของหน่วยงานใด .-สำนักข่าวไทย