ศาลสั่งปล่อย”ฮาคีม” แล้วหลังอัยการ สนง.ต่างประเทศยื่นขอถอนฟ้องกรณีส่งผู้ร้ายข้ามแดน

กรุงเทพฯ 11 ก.พ.- ศาลอนุญาตปล่อยตัว”ฮาคีม” แล้วหลังอัยการสำนักงานต่างประเทศ ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องกรณีส่งผู้ร้ายข้ามแดน 


น.ส.เสฎฐา เธียรพิลากุล พนักงานอัยการสำนักงานต่างประเทศ เข้ายื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อขอถอนฟ้องคดีส่งผู้ร้ายข้ามเเดน คดีดำหมายเลข ผด.2/2562 ที่พนักงานอัยการสำนักงานต่างประเทศเคยได้ยื่นคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนนาย ฮาคีม อัล อาไรบี อายุ 25 ปี อดีตนักฟุตบอลทีมชาติบาห์เรน กลับไปดำเนินคดีที่ประเทศบาห์เรน ตามคำขอของทางการบาห์เรนที่ส่งมาให้ทางการไทยยื่นส่งผู้ร้ายข้ามเเดน โดยหลังจากที่พนักงานอัยการได้ยื่นคำร้องเเล้วอยู่ระหว่างพิจารณาคำร้องของศาลอาญา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำร้องดังกล่าวที่อัยการสำนักงานต่างประเทศได้ยื่นขอให้ศาลวินิจฉัยการส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามเเดนระบุว่า ประเทศบาห์เรนและประเทศไทย ไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน โดยพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ. ศ 2551 กำหนดให้รัฐบาลต่างประเทศสามารถร้องขอ ต่อรัฐบาลไทยให้ส่งตัวบุคคลที่กระทำผิดตามกฎหมายของประเทศที่ร้องขอแม้ว่าประเทศนั้นไม่ได้มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศไทย โดยให้รัฐบาลประเทศผู้ร้องขอนั้นทำคำรับรอง ที่จะปฏิบัติต่างตอบแทนกับรัฐบาลไทย โดยคดีนี้รัฐบาลบาห์เรนได้ให้คำรับรองดังกล่าวแล้ว ขณะที่การกระทำความผิดซึ่งมีการร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้นจะต้องเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายไทย และความผิดดังกล่าวจะต้องเป็นความผิดกำหนดโทษจำคุกไม่น้อยกว่า 1 ปีและไม่เป็นความผิดที่มีลักษณะทางการเมือง หรือเป็นความผิดทางทหาร


โดยคดีนี้รัฐบาลบาห์เรน ได้มีหนังสือลงวันที่ 3 ธ.ค.61 และเอกสารและเอกสารประกอบคำร้องขอ พร้อมคำแปลภาษาไทยส่งผ่านวิถีทางการทูต ขอให้รัฐบาลไทยจับกุมและคุมขังชั่วคราว “นายฮาคีม” สัญชาติบาห์เรนซึ่งถือหนังสือเดินทางบาห์เรน เพื่อดำเนินการส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ไปรับโทษตามคำพิพากษาที่ประเทศบาห์เรน ในความผิดฐาน 1.ลอบวางเพลิง สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งอาจจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน 2. ชุมนุมโดยมิชอบด้วยกฎหมายมากกว่า 5 คนในที่สาธารณะ และใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อวัตถุประสงค์ในการก่ออาชญากรรมและก่อกวนความสงบเรียบร้อยของประชาชน 3.ครอบครองวัตถุไวไฟ ซึ่งเป็นระเบิดขวด เพื่อวัตถุประสงค์ในการก่ออันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน 4.ทำให้รถยนต์ส่วนบุคคลของผู้อื่นเสียหายตามประมวลกฎหมายอาญาบาห์เรน มาตรา 178 , 179 , 277/1  , 277/2 , 277 ทวิ  , 409/1 ,  414/1 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกเกิน 1 ปีขึ้นไป และคดียังไม่ขาดอายุความ โดย “นายฮาคีม” นั้นเป็นจำเลยที่ 4 ในคดีอาญาดังกล่าวซึ่งศาลได้พิจารณาลับหลังและพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 4 ให้จำคุกเป็นเวลา 10 ปี แต่ “นายฮาคีม” หลบหนี สำนักงานอัยการบาห์เรน จึงได้ออกหมายจับเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.54

ล่าสุดศาลพิจารณาคำร้องของอัยการเเล้วอนุญาตให้ถอนคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามเเดน นายฮาคีมได้  โดยขั้นตอนหลังจากนี้ศาลอาญาจะออกหมายปล่อยไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯเพื่อปล่อยตัวนายฮาคีมต่อไป .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง