ทำเนียบ 1 ก.พ.-นายกฯแถลงผลการดำเนินงานปีที่ 4 แก้ปัญหาทุกด้าน ทั้งความขัดแย้ง เศรษฐกิจ สังคม ท่องเที่ยว และพัฒนา เพื่อวางรากฐาน ดูแลประชาชนทุกกลุ่ม สร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการแถลงผลการดำเนินงานปีที่ 4 ของรัฐบาล โดยมีรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนเข้าร่วมงานดังกล่าว โดยได้ใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง 10 นาที ช่วงแรกนายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงสถานการณ์ก่อนที่รัฐบาลจะเข้ามาบริหารประเทศ และสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการในระยะแรก คือ การรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ยุติความขัดแย้ง สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ จัดระเบียบสังคม ที่ผ่านมาเศรษฐกิจของประเทศไทยขยายตัวอย่างต่อเนื่องในทุกด้านไม่ได้ตกต่ำอย่างที่มีการบิดเบือนโดยมีการขยายตัวร้อยละ 4.2 ในปี 2561 เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ส่วนในปี 2562 การส่งออกเติบโต ร้อยละ 7.3 ส่วนการท่องเที่ยวสร้างรายได้มากกว่า 3 ล้านล้านบาทในปี 2561 สูงขึ้นกว่าปี 2556 ที่มีรายเพียง 1.8 ล้านล้านบาท มีอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ หนี้สาธารณะต่อ GDP อยู่ที่ร้อยละ 41.7 ภายใต้กรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ร้อยละ 60 เงินสำรองระหว่างประเทศมากกว่า 201.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอยู่ในระดับต้นของโลก อันดับเสรีภาพทางเศรษฐกิจของไทยเพิ่มขึ้น 10 อันดับ สะท้อนภาพเศรษฐกิจไทยมีความแข็งแรง และ คาดการณ์อีก 2 ปีข้างหน้า ยังคงมีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
จากนั้นจึงเป็นการแถลงผลงานโดดเด่นแบ่งเป็นยุทธศาสตร์ในแต่ละด้าน โดยยุทธศาสตร์ด้านการดูแลประชาชนระดับฐานราก ทั้งกองทุนหมู่บ้าน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ดูแลผู้มีรายได้น้อย กว่า 14.5 ล้านคน การเพิ่มเงินให้ผู้สูงอายุที่ถือบัตร การแก้ไขหนี้นอกระบบ ถึง 1 ล้าน 2 แสนคน การสร้างระบบพร้อมเพย์ สังคมไร้เงินสด และร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ โดยยืนยันว่าไม่ได้เอื้อให้กับนายทุนใหญ่
นอกจากนี้ ยังมีโครงการบ้านล้านหลัง การฟื้นฟูชุมชนริมคลองลาดพร้าว รวมถึงการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย หรือ IUU การปลดธงแดงด้านการบินพลเรือน หรือ icao การแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ สู่การรักษาอธิปไตยตามแนวชายแดน และการแก้ไข พ.ร.บ.ป่าไม้ ในรอบ 77 ปี เพื่อปลดล็อคให้ปลูกไม้มีค่าได้
ส่วนผลงานด้านการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การท่องเที่ยวของไทยติดอันดับ 10 ของโลก มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางมาเที่ยวไทย กว่า 38.27 ล้านคน สร้างรายได้เพิ่มขึ้น 57,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.20 ล้านล้านบาท สูงเป็นอันดับ 4 ของโลก จึงขอสื่อมวลชนอย่าเสนอข่าวที่ทำร้ายประเทศ
ขณะที่เรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ยังเป็นเรื่องการเปิดรถไฟฟ้า เพิ่มเติมอีก 2 สาย คือสายสีม่วง และสายสีเขียวส่วนต่อขยาย การพัฒนาขนส่งทางราง 356 กิโลเมตร เป็น 3,531 กิโลเมตร การเร่งรัดรถไฟทางคู่ 7 เส้นทาง 993 กิโลเมตร การเร่งรัดก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง 2 เส้นทาง 472 กิโลเมตร เชื่อม 3 เส้นทาง คือสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง อู่ตะเภา และการเร่งรัดสร้างมอเตอร์เวน์ 3 เส้นทาง 324 กิโลเมตร
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงผลงานด้านการพัฒนา ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ พร้อมระบุว่า การส่งออกของไทยขยายตัวร้อยละ 7.3 มีการตกลงการค้าเสรี 12 ฉบับกับ 17 ประเทศคู่ค้า อีกทั้งตลอด 4 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 1.0 หรือประมาณกว่า 8 พันล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งติดอันดับต้นๆของโลก แม้ดัชนีความเชื่อมั่นด้านคอร์รัปชั่นจะลดลงจากอันดับ 96 มาอยู่ที่ 99 แต่ระบุว่าการปราบปรามทุจริตหลายๆ อย่างก็ดีขึ้น
นายกรัฐมนตรี ยังระบุด้วยว่า ตลอด 4 ปี ตนเองถูกเชิญให้เข้าร่วมงานสำคัญของต่างประเทศมาแล้ว 64 ครั้ง พร้อมชี้แจงว่าไม่ได้เดินทางไปซื้อของหรือท่องเที่ยวตามที่หลายคนวิจารณ์.-สำนักข่าวไทย