กรุงเทพฯ 24 ม.ค.- ศาลฎีกาฯยืนคุกคนละ1ปี’สามเกลอสายล่อฟ้า’หมิ่น’ยิ่งลักษณ์’ปมโฟร์ซีซั่น โดยให้รอลงอาญา 2 ปี
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต นายเทพไท เสนพงศ์ และนายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปปัตย์ ผู้ดำเนินรายการ”สายล่อฟ้า”ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เข้าฟังคำพิพากษาของศาลฎีกา ในคดีที่อัยการและนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมกันเป็นโจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง ทั้ง 3 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นฯ ,ดูหมิ่นเจ้าพนักงานฯ
กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 10-15 กุมภาพันธ์ 2555 จำเลยทั้งสามซึ่งเป็นผู้ดำเนินรายการ”สายล่อฟ้า”ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ร่วมกันใส่ร้ายนางสาวยิ่งลักษณ์ ผู้เสียหายขณะไปปฏิบัติภารกิจที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นทำนองว่า ประพฤติผิดจริยธรรม ล้วนเป็นคำกล่าวเท็จ ทำให้นางสาวยิ่งลักษณ์ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง
คดีนี้ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยทั้งสามกระทำผิดตามฟ้องจริง จึงพิพากษาให้จำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 1 ปี ปรับคนละ 5 หมื่นบาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี
ส่วนศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ต่อมาฝ่ายโจทก์ยื่นฎีกาขอไม่ให้ศาลรอการลงโทษ ส่วนจำเลยยื่นฎีกาขอให้ศาลยกฟ้องด้วย
อย่างไรก็ตามระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ทั้งฝ่ายโจทก์ร่วมและฝ่ายจำเลยต่างประสงค์ไม่ดำเนินคดี ได้ยื่นคำร้องขอถอนฎีกาออกจากการพิจารณา เมื่อศาลพิเคราะห์แล้วให้ยกคำร้องดังกล่าว เพราะคดีนี้ศาลฎีกาทำคำพิพากษาเสร็จสิ้นและส่งให้ศาลชั้นต้นพร้อมอ่านแล้ว ศาลฎีกาจึงอ่านคำพิพากษาทันที
โดยพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ร่วม ซึ่งเป็นแผ่นดีวีดีอัดรายการและคำถอดเทปแล้ว มีคำเช่นว่า “ปูเอาอยู่” โดยจำเลยอ้างว่าเป็นฉายาตั้งแต่ช่วงน้ำท่วมปี 2554 นั้น แต่เมื่อพิจารณาบริบทซึ่งเป็นคำสนทนาของจำเลยทั้งสามแล้ว เป็นการสื่อความหมายไปในทางชู้สาวว่าวันที่ 8 ก.พ. 2555 โจทก์ร่วมไม่เข้าประชุมสภา แต่ไปที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ด้วยภารกิจอะไร ซึ่งแม้โจทก์ร่วมจะเป็นบุคคลสาธารณะที่จำเลยทั้งสามที่เป็น ส.ส. จะตรวจสอบวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่วิธีการที่จำเลยทั้งสามพูดในเชิงชู้สาวดังกล่าวเป็นการกระทำโดยมิชอบ การตรวจสอบต้องตรวจสอบโดยสุจริต ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
ส่วนที่โจทก์ร่วมขอให้ไม่รอการลงโทษนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าแม้การกระทำของจำเลยทั้งสามจะเป็นการกระทำที่มิชอบ แต่โจทก์ร่วมก็ไม่ชี้แจงข้อเท็จจริงการไม่เข้าร่วมประชุมสภาแล้วไปที่โรงแรมให้สาธารณชนรับทราบ โดยชั้นสืบพยาน โจทก์ร่วมระบุเพียงว่าไปพบนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อสอบถามแนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจ หากกรณีไม่เป็นความลับก็ไม่น่าทำให้เกิดความระแวงสงสัยเรื่องชู้สาวหรือผลประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งโจทก์ร่วมก็สามารถชี้แจงต่อสาธารณชนได้ การที่จำเลยเรียกร้องให้โจทก์ร่วมชี้แจงเป็นเจตนาดีเพื่อประโยชน์สาธารณะ พิพากษายืน จำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 1 ปี ปรับคนละ 5 หมื่นบาท โดยให้รอลงอาญา 2 ปี
ด้านนายศิริโชค เปิดเผยหลังฟังคำพิพากษาพร้อมน้อมรับในคำพิพากษาของศาล ซึ่งการจัดรายการเจตนาดีแต่อาจเกินข้อเท็จจริงไปบ้าง ชี้ฝ่ายโจทก์ก็ยังไม่ได้ชี้แจงเหตุผลที่ไปโรงแรมโฟร์ซั่นว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ทั้งนี้ถึงแม้จะถูกรอลงอาญา แต่เชื่อว่าไม่มีผลต่อการลงสมัครเลือกตั้ง.-สำนักข่าวไทย