fbpx

“โค้ชโต่ย” เชื่อความมุ่งมั่นจะช่วยทีมไทยมีแต้มเกมพบยูเออี คืนนี้

ยูเออี 14 ม.ค.- นักเตะช้างศึกเตรียมลงสนามพบกับยูเออีในการลุ้นเข้ารอบฟุตบอลเอเชียน คัพ 2019 คืนนี้ โดย “โค้ชโต่ย” เชื่อความมุ่งมั่นของไทยจะช่วยทีมช้างศึกมีแต้ม


“โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย รักษาการกุนซือทีมชาติไทย นำทัพช้างศึก ลงฝึกซ้อมครั้งสุดท้าย ที่ฮัซซา บิน ซายิด สเตเดียม สนามแข่งขันจริง เมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ก่อนพบกับเจ้าภาพ ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี ในศึกเอเชียนคัพ 2019 รอบสุดท้าย นัดที่ 3 ของกลุ่มเอ คืนนี้ ซึ่งการฝึกซ้อมครั้งนี้ “โค้ชโต่ย” เน้นทบทวน แท็กติก ทั้งเกมรุก และเกมรับ รวมถึงเน้นย้ำในเรื่องของสมาธิ โดยทุกคนจะแสดงออกถึงความมุ่งมั่นเต็มที่ 

เกมนี้ “โค้ชโต่ย” กล่าวว่า เชื่อในผลงานของทีมไทยจะออกมาดี เพราะว่าทุกคนมีความมุ่งมั่นและความเป็นหนึ่งเดียวของทีม แม้ว่าสถิติในการเยือนกับทีมตะวันออกกลางไม่ดี แต่เราสามารถแสดงให้เห็นแล้วในเกมชนะบาห์เรน


ส่วนสุพรรณ ทองสงค์ กองหลัง กล่าวว่า ทุกคนรวมใจกันเพื่อทำผลงานให้ดี เนื่องจากรุ่นพี่หลายคนอาจจะเป็นเกมสุดท้ายในรายการนี้จึงพยามอย่างเต็มที่

โดยเกมนี้ ทีมไทยจะไม่มีพรรษา เหมวิบูลย์ ที่ติดโทษแบน โดย “โค้ชโต่ย” จะใช้ มิก้า ชูนวลศรี ลงเล่นแทน และต้องเช็กความฟิตของธนบูรณ์ เกษรัตน์ และจะยึดระบบ 3-4-1-2 เหมือนเกมที่ชนะบาห์เรน ซึ่งทีมช้างศึก มี 3 คะแนน เกมนี้ขอเพียงผลเสมอก็จะการันตีการผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายทันที ขณะที่ยูเออี มี 4 คะแนนเข้ารอบแน่นอนแล้ว แต่จะลุ้นเป็นแชมป์กลุ่มหากชนะทีมไทย

ทั้งนี้ ทีมชาติไทยมีสถิติไม่ดีในการเยือนยูเออี 6 นัด ในเกมอย่างเป็นทางการที่ฟีฟ่ารับรอง ไม่สามารถเอาชนะได้เลย โดยเสมอ 1 นัด และแพ้ถึง 5 นัด ส่วนที่ทีมไทยชนะยูเออีได้ครั้งเดียว ต้องย้อนไปในปี 2004 ที่เปิดบ้านชนะ 3-0 ในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย


สำหรับทีมชาติไทยจะพบกับยูเออี คืนนี้ เวลา 23.00 น. ตามเวลาประเทศไทย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ขอบคุณทุกหน่วยงานระดมช่วยผู้ประสบภัย

“นายกฯ แพทองธาร” ขอบคุณทุกหน่วยงานระดมช่วยผู้ประสบอุทกภัย หวัง ศปช.รับมือ-ช่วยเหลือรวดเร็วทันท่วงที รวมถึงการเยียวยาหลังจากนี้

ฟื้นฟูชายแดนแม่สาย-เร่งกู้ตลาดสายลมจอย

เจ้าหน้าที่เร่งฟื้นฟูชุมชนชายแดนแม่สายที่ถูกน้ำท่วมและจมโคลนมานาน 10 วัน รวมทั้งเร่งกู้ตลาดสายลมจอยแหล่งจำหน่ายสินค้าชายแดนที่เสียหายอย่างหนัก

ฆ่ารัดคอขับโบลท์

รวบ “ไอ้แม็ก” ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ พบเคยถูกจับคดีโหด

จับแล้ว “ไอ้แม็ก” เดนคุก ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ ทิ้งร่างอำพราง ริมถนนห้วยพลู จ.นครปฐม ก่อนเอารถไปขาย สอบประวัติ พบเพิ่งพ้นโทษ คดีล่ามโซ่ล่วงละเมิดเด็กวัย 13 ปี นาน 1 สัปดาห์ เมื่อปี 2553