กทม.17ธ.ค.-สธ.-สปสช.ลงพื้นที่บ้าน ‘น้องแมน’ เด็กชายขายไข่นกที่สถานีรถไฟนครศรีธรรมราช ที่ป่วยตาเป็นฝ้าแต่ไม่ไปรักษาตามนัด ด้วยเหตุกลัวการผ่าตัด และคิดว่าบัตรทองหมดอายุ ล่าสุดประสานส่งต่อรักษาต่อเนื่อง พร้อม อบต.ในพื้นที่ช่วยเหลือด้านสังคม
จากกรณีที่มีการนำเสนอเรื่องราวของเด็กชายขายไข่นกที่สถานีรถไฟนครศรีธรรมราช โดยใช้ชื่อว่า “น้องแมน” ผ่านโลกโซเชียล ซึ่งมีอาการตาเป็นฝ้า โดยมีการระบุหนึ่งในสาเหตุที่น้องแมนไม่ไปหาหมอรักษาเพราะบัตรหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทองหมดอายุ และ สปสช.ได้ชี้แจงว่าเป็นสวัสดิการสุขภาพเพื่อคนไทยไม่มีวันหมดอายุ นั้น
นายธงชัย สุทธิยุโณ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เขต 11 สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากนายอุทัย หมั่นเทียนติพันธ์ ผอ.สปสช.เขต 11 สุราษฎร์ธานี ให้ติดตามดำเนินการเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.61 จึงได้ลงพื้นที่เพื่อสอบถามข้อมูลและประสานการให้ความช่วยเหลือที่บ้านของน้องแมน อายุ 12 ปีอาศัยอยู่กับมารดา (บิดาแยกทางกัน) ที่ ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าตาขวา มีอาการม่านตาขยาย ประมาณ 5 มิลลิเมตร ไม่ตอบสนองต่อแสง สายตาพร่ามัว มองตัวหนังสือปกติไม่ชัด ส่วนตาข้างซ้ายมีฝ้าที่กระจกตา รูม่านตาประมาณ 2 มิลลิเมตร มองเห็นเลือนราง เมื่อประมาณ 1 ปีเคยเข้ารับการรักษาที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช แพทย์ให้ยาหยอดตาและให้มารักษาสม่ำเสมอถ้าไม่หายแนะนำให้ผ่าตัด แต่น้องแมนไม่ได้ไปตามนัดเพราะกลัวการผ่าตัดและไม่มีใครดูแลแม่ ซึ่งป่วยเป็นอัมพาตครึ่งซีกด้านซ้าย
นายธงชัย กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบสิทธิการรักษาพยาบาลของน้องแมนพบว่ามีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือสิทธิบัตรทอง ที่ รพ.สต.บ้านบางปู ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา และมี รพ.มหาราชนครศรีธรรมราชเป็นหน่วยรับส่งต่อ ส่วนมารดามีสิทธิหลักประกันสุขภาพเช่นกัน ประเภทคนพิการ (ท 74) โดย รพ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็น รพ.ใกล้บ้าน ได้แนะนำมารดาและน้องแมนให้ไปรักษาต่อเนื่อง หากปล่อยไว้อาจทำให้ตาบอดได้
ทั้งนี้ ทางรพ.สต.บ้านบางปู ได้นัดตรวจตาเบื้องต้นอีกครั้งในวันนี้ (17ธ.ค.) และจะดำเนินการส่งต่อไปรักษา รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ซึ่งมีจักษุแพทย์ที่เชี่ยวชาญเพื่อที่จะได้วางแผนการรักษาที่เหมาะสมต่อไป ทั้งได้ประสานงานกับ อบต.ท่าศาลา ซึ่งมีกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับตำบลเพื่อช่วยเหลือดูแลด้านสังคม และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อประสานงานข้อมูลระหว่างกันต่อไป .-สำนักข่าวไทย