เชียงราย 21 พ.ย.- วิจารณ์หนัก! ปมสิทธิประโยชน์ กฎ กติกา มารยาท กีฬาแห่งชาติ “เจียงฮายเกมส์” กรณีผู้จัดนำเทปกาวปิดโลโก้สปอนเซอร์ของชุดแข่งกีฬาปั่นจักรยาน เนื่องจากเป็นกฎของการแข่งขันที่มีการประกาศล่วงหน้าแล้ว
นายณัฐวุฒิ เรืองเวส รองผู้ว่าการ กกท. ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา ได้ชี้แจงเรื่องนี้ว่า เรื่องกฎระเบียบแต่ละเกมไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับเจ้าของเกมนั้นๆ โอลิมปิก จัดโดย IOC เป็นเจ้าของ ชิงแชมป์โลก สหพันธ์กีฬานั้นๆเป็นเจ้าของ ชิงแชมป์ประเทศไทย สมาคมเป็นเจ้าของ กีฬาแห่งชาติ กกท. เป็นเจ้าของ ซึ่งแต่ละเกมมีสปอนเซอร์ ผู้สนับสนุน สิทธิประโยชน์ต่างกัน ดังนั้นเขาจึงอนุญาตให้โฆษณาได้ในขนาดที่เจ้าของเกมกำหนด
ในส่วนระเบียบของ กกท. หมายถึง การติดโฆษณาระบุขนาด 2×3 นิ้ว 1 จุดเท่านั้น โดยเจตนาจริงๆคือ ติดโฆษณาไม่ได้ เว้นแต่เป็นพวกโลโก้เสื้อผ้าเล็กๆ ที่ติดมาตั้งแต่แรก เช่น โลโก้เสื้อแกรนด์สปอร์ต หรือยี่ห้ออื่นที่มักจะไม่เกิน 2×3 นิ้ว อนุญาตให้มีได้
ส่วนโลโก้จังหวัดนั้นมีได้ เพราะไม่ได้ถือว่าเป็นการโฆษณา แต่หากใหญ่มากเกินไปจนกระทบหรือรบกวนสายตาผู้แข่งขัน กกท. และสมาคม สามารถพิจารณาห้ามหรือจำกัดขนาดได้ ซึ่ง กกท. กำหนดไว้ในระเบียบว่า ชื่อจังหวัดมีขนาดอักษรสูงไม่เกิน 5 ซม. จำนวนไม่เกิน 1 แถว เท่านั้น โดยกีฬาแห่งชาติ กกท.มีผู้สนับสนุนอยู่แล้ว 13 ราย ดังนั้น กกท.ให้ฐานะเจ้าของรายการจึงจำเป็นต้องสิทธิประโยชน์ของผู้สนับสนุนด้วย
ด้านนายณัฐพงษ์ โลหิตนาวี ประธานฝ่ายเทคนิคของสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยที่เดินทางไปทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินการแข่งขันกีฬาจักรยานระดับนานาชาติมานานนับสิบปี ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ผ่านทางเฟซบุ๊กของตัวเองว่า งานนี้คือระเบียบที่การกีฬาแห่งประเทศไทย กำหนดขึ้นมา สำหรับการแข่งขันกีฬาแห่งชาติและเยาวชนแห่งชาติ จากระเบียบการแข่งขันของจักรยาน ส่วนโลโก้จังหวัด ใช้ได้มั้ย นายณัฐพงษ์ เห็นว่า ถ้าดูตามระเบียบ ผมว่าไม่ได้ เพราะในระเบียบบอกว่า “เครื่องหมายการค้า คำโฆษณาหรือสัญลักษณ์อันไม่ใช่สิทธิประโยชน์ของการแข่งขัน ให้มีขนาดไม่เกิน 2×3 นิ้ว 1 จุดเท่านั้น แต่ถ้าถามความเห็นส่วนตัว ผมว่าไม่น่าห้าม ซึ่งไม่แปลก เพราะมีกติกาจักรยานหรือระเบียบหลายรายการที่ผมไม่เห็นด้วย แต่ก็ “ต้องปฏิบัติตาม”
ล่าสุดตนเองได้พูดคุยกับ คนใน กกท. ซึ่งก็เห็นด้วยกับผมว่า “ข้อความมันขาดรายละเอียดในทางปฏิบัติ และจะนำไปหารือกับฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การแก้ไขให้ชัดเจนสำหรับทุกฝ่ายต่อไปในอนาคต” แต่ถ้าถามว่าเป็นสากลที่ทั่วโลกทำกันหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ทุกรายการระดับนานาชาติ ตั้งแต่ซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ โอลิมปิกเกมส์ หรือชิงแชมป์โลก มีข้อกำหนดที่แตกต่างกันไป ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของโค้ช เจ้าหน้าที่ทีม และนักกีฬา จะต้องศึกษา ถ้าไม่รู้ก็ควรถามให้ชัดเจน.-สำนักข่าวไทย
