ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯชี้ภาษีที่ดินอาจช่วยให้ซื้อบ้านไม่แพงกว่าเดิม

ประจวบคีรีขันธ์ 18 พ.ย.- ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เชื่อ
กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จะทำให้ระดับราคาที่ดินไม่เพิ่มขึ้น
หรือเพิ่มไม่มาก ช่วยให้ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีต้นทุนที่ดินไม่แพงขึ้น
ผู้ซื้อบ้านได้ซื้อบ้านราคาไม่แพงไปกว่าเดิม


นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายกลยุทธ์
 
2 ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์
เปิดเผยว่า หลังจากที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีผลตั้งแต่วันที่
1 มกราคม 2563 เชื่อว่า
ผลจากภาระภาษีที่ดินที่จะเกิดขึ้น จะทำให้ผู้ที่ถือครองที่ดินว่างเปล่า  มีแนวโน้มเริ่มที่จะพิจารณานำที่ดินำออกมาขายในตลาดเพิ่มขึ้น
เป็นการช่วยเพิ่มปริมาณที่ดินขายในตลาด
ส่งผลให้ระดับราคาที่ดินที่เคยปรับสูงขึ้นในช่วงปี
2560-2561 มีแนวโน้มไม่ปรับเพิ่มขึ้นหรือปรับเพิ่มขึ้นไม่มากนัก

สำหรับสถิติการเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินในช่วงที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้นเร็วมาก  เช่น 
ราคาที่ดินในกรุงเทพฯและปริมลฑล ช่วงไตรมาส
1 ปี 2561 และไตรมาสที่ 2  ปีนี้
เมื่อเทียบกับเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ
32  และแต่ละปีราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 10


ส่วนผลจากมาตรการคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)  ที่จะมีผลบังคับใช้ในเดือนเมษายนปี 2562
จะทำให้เกิดการชะลอตัวการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของกลุ่มผู้ที่ต้องการซื้อบ้านหลังที่
2 
ที่บางส่วนตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการผ่อนชำระสินเชื่อบ้านสัญญาแรกยังไม่ถึง
3 ปีมีผลกระทบ
และต่างเริ่มตระหนักว่า 
การจะซื้อบ้านใหม่เป็นสัญญาเงินกู้ที่
2 
จะมีเงินดาวน์เพียงพอร้อยละ
20 หรือไม่ และกลุ่มผู้ซื้อเพื่อเป็นทรัพย์สินของครอบครัว
กลุ่มผู้ซื้อเพื่อปล่อยเช่าโดยตรง 
ผู้ที่ซื้อเพื่อหวังว่าผู้อื่นสนใจจะซื้อใบจอง
ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ที่ซื้อเพื่อการลงทุน จะหยุดพิจารณานานประมาณ
2-3 ไตรมาส
และมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธปท. ยังทำให้เกิดการเร่งการซื้อ
เร่งโอนกรรมสิทธิ์บ้านในปีนี้มากกว่าปกติโดยเฉพาะในข่วงไตรมาสที่
4  และต้นปีหน้าก่อนที่มาตรการจะมีผลใช้บังคับ
จากปัจจัยเหล่านี้ จะส่งผลให้ภาพรวมของตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงประมาณไตรมาสที่
2
ปีหน้าชะลอตัวลงได้

ด้านแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้านั้น
มีโอกาสปรับขึ้นไม่น้อยกว่า
2 ครั้ง
เพราะส่วนต่างดอกเบี้ยนโยบายของธปท.กับของธนาคารกลางสหรัฐมีส่วนต่างค่อนข้างมาก
ซึ่งหากปรับขึ้นดอกเบี้ยก็จะทำให้ความสามารถในการซื้อบ้านของประชาชนลดลงได้
เพราะแม้ว่า  การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย
ไม่ได้ทำให้อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยปรับขึ้นในทันที
แต่จะมีผลให้ต้นทุนในการระดมเงินจากตลาดเงินตลาดทุนต้องปรับขึ้นดอกเบี้ย
จึงสะท้อนออกมาให้ต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ให้สูงขึ้นตามไปด้วย เรื่องนี้
จึงส่งผลกระทบต่อความสามารถในการผ่อนชำระของผู้ซื้อบ้านลดลงได้เพราะต้องจ่ายดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
จึงได้วงเงินกู้น้อยลง 

ส่วนภาพรวมคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลนั้น
ขณะนี้ยังไม่ถือว่า อยู่ในภาวะฟองสบู่ ล่าสุดมีจำนวนเหลือขายอยู่ประมาณ
56,800 หน่วย
ส่วนใหญ่ระดับราคาอยู่ในช่วง
2-5 ล้านบาท ภาพรวมจึงอยู่ในลักษณะของการมีภาวะความเสี่ยงจากการที่ตลาดชะลอตัว
และอาจมีภาวะปริมาณมากกว่าความต้องการเกิดขึ้นตามมา อย่างไรก็ตาม การเกิดขึ้นของคอนโดมิเนียมแต่ละปียังเพิ่มขึ้นในระดับปกติที่ประมาณร้อยละ
3.5


นายวิชัย ยังเปิดเผยภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส
3 ปี 2561  ว่า
สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยของกรุงเทพฯและปริมณฑล
ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทาน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี
2560
โดยในด้านอุปสงค์มีการปรับเพิ่มขึ้นของการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย โดยขยายตัวของจำนวนหน่วยร้อยละ
5.0
และในส่วนมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ
14.6 ขณะที่สินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่
เพิ่มขึ้นร้อยละ
13.3 ส่วนในด้านอุปทานมีการปรับเพิ่มขึ้นของหน่วยอยู่อาศัยเปิดขายใหม่ร้อยละ
28.5
และมีมูลค่าเพิ่มขึ้น
32.6 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกหลังจากชะลอตัวมา 4 ไตรมาส
ตั้งแต่ไตรมาส
4 ปี 2560
เนื่องจากผู้ประกอบการได้ชะลอเปิดขายโครงการใหม่ เพื่อลดอุปทานส่วนเกินในตลาด
ขณะที่ ที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ
3.3

สำหรับตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดภูมิภาค
ด้านอุปสงค์มีการปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้าเช่นกัน สะท้อนจากจำนวนหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ
7.8
และมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ
9.8
โดยมีการเพิ่มขึ้นมากในพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญ
รวมถึงพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ส่วนด้านอุปทานมีการปรับตัวลดลงเล็กน้อย
โดยพิจารณาจากการขอใบอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่ลดลงประมาณร้อยละ
5.1 เป็นผลจากที่อาคารชุดลดลงอย่างชัดเจนถึงร้อยละ
67.9
เนื่องจากยังมีอุปทานที่อยู่อาศัยเหลือขายสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก ขณะที่แนวราบกลับมีการเพิ่มขึ้นร้อยละ
5.6

ขณะที่สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ในภาพรวม ปี 2561
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์คาดการณ์ว่า
สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทานจะปรับตัวดีขึ้นกว่าปี
2560
โดยเป็นผลจากการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ทั้งภาคการส่งออก
และการท่องเที่ยว รวมถึงการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ของภาครัฐ
ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ รถไฟฟ้าความเร็วสูง
นอกจากนั้นมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของ ธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่
1 เมษายน 2562
คาดว่าจะส่งผลให้ยอดโอนกรรมสิทธิ์และสินเชื่อที่อยู่อาศัยมีการเร่งตัวก่อนที่จะมีมาตรการบังคับใช้

สำหรับตลาดที่อยู่อาศัยในภูมิภาคในปี 2561
คาดการณ์ว่าจะมีการขยายตัวของอุปสงค์อย่างชัดเจน
จะมีหน่วยและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์สูงถึงประมาณร้อยละ
21 ขณะที่อุปทาน
ซึ่งดูจากการขอใบอนุญาตก่อสร้างกลับมีการลดลงร้อยละ
3.2  โดยการขอใบอนุญาตก่อสร้างราคารชุดมีการลดลงถึงร้อยละ
49
ขณะที่บ้านจัดสรรเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ
2.9 เท่านั้น
ซึ่งทำให้เห็นการปรับตัวของอุปสงค์และอุปทานที่มีความสมดุลกันมากขึ้น

แนวโน้มภาพรวม ปี 2562 ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์คาดการณ์ว่า
ผลจากมาตรการควบคุมสินเชื่อ
และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ซึ่งจะกระทบต่อตลาดที่อยู่อาศัยทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล
และในพื้นที่ภูมิภาค
โดยคาดว่าจะมีการชะลอตัวทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทาน-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เหล้าเถื่อนลาว

เสียชีวิตรายที่ 6 คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว

คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตเพิ่มรายที่ 6 เป็นหญิงชาวออสเตรเลีย เสียชีวิตขณะรักษาตัวในไทย

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ช่วยปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังถูกร้องทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมช่วยเจ้าทุกข์ย้ายหน่วยตามร้องขอ

ไฟไหม้โรงงานพัดลม เผาวอดเสียหายกว่า 50 ล้าน

ไฟไหม้โรงงานผลิตพัดลมรายใหญ่ จ.สมุทรสาคร ระดมรถดับเพลิงระงับเหตุ กว่า 5 ชม. จึงควบคุมไว้ได้ในวงจำกัด เบื้องต้นเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง

ค้นบ้านสามารถ

ดีเอสไอ เข้าค้นบ้าน “สามารถ” คดีฟอกเงินดิไอคอน

ดีเอสไอ เข้าค้นบ้าน “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” คดีฟอกเงินดิไอคอน หลังพบเงิน “บอสดิไอคอน” โอนเข้าบัญชีแม่ของนายสามารถ