กรุงเทพฯ 16 พ.ย. – ผู้ว่าฯ ธปท.ย้ำประชาชนต้องรักษาข้อมูลส่วนตัว Username และ Password เป็นความลับ ป้องกันมิจฉาชีพหลอกโอนเงิน พร้อมแนะนำให้จำกัดวงเงินโอน
จากคดีที่นางแบบสาวยื่นฟ้องธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งเรียกค่าเสียหาย หลังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกถามข้อมูลส่วนตัวและโอนเงินจากบัญชีเกือบ 2 ล้าน
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า มิจฉาชีพจะใช้วิธีหลอกถามข้อมูลส่วนตัว ดังนั้น ประชาชนต้องรักษาข้อมูลส่วนตัว Username และ Password เป็นความลับ และ ต้องมีการเปลี่ยน Password บ่อย ๆ พร้อมทั้งห้ามให้เลข OTP ที่ธนาคารพาณิชย์ส่งมา เพื่อยืนยันในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์กับบุคคลอื่นเด็ดขาด
นอกจากนี้ ประชาชนที่ใช้โมบาย แบงก์กิ้ง ยังสามารถตั้งค่าในแอพพลิเคชั่นด้วยตนเอง จำกัดวงเงินในการโอนเงินแต่ละครั้ง แต่ละวัน ไม่ให้สูงเกินไป เช่น อาจจะกำหนดว่าโอนเงินได้ไม่เกิน 10,000 บาท และ จำกัดจำนวนการโอนแต่ละวัน ซึ่งจะช่วยลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ รวมทั้งขอให้ประชาชนหมั่นเช็คระบบแจ้งเตือนของสถาบันการเงิน ซึ่งปัจจุบันสถาบันการเงินมีการแจ้งเตือนหลายช่องทาง ทั้ง SMS ,Line และ e-mail
“การทำธุรกรรมโมบาย แบงก์กิ้ง ประชาชนต้องมีความรู้ความเข้าใจเทคโนโลยีทางการเงิน และต้องรักษา username และ password เป็นความลับ ต้องเปลี่ยนบ่อย ๆ และอย่าทำธุรกรรมทางการเงินโดยใช้ไวไฟสาธารณะ เพราะอาจจะมีความเสี่ยง” ผู้ว่าฯ ธปท. กล่าว
ผู้ว่าฯ ธปท. กล่าวว่า ธปท.ได้ร่วมมือกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ดูแลบริการชำระเงินผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ จัดทำมาตรฐานตรวจสอบและรับรองการพิสูจน์ตัวตน (KYC) เชื่อมโยงระบบข้อมูลร่วมกันกรณีที่มีผู้ใช้บริการพร้อมเพย์เปลี่ยนแปลงหมายเลขโทรศัพท์มือถือ ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือจะแจ้งไปยังสถาบันการเงินรับทราบและปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันที่สุด
นายวิรไท กล่าวว่า ได้เน้นย้ำให้สถาบันการเงินให้ความสำคัญกับระบบไอที ต้องมีความปลอดภัย มีระบบป้องกันการเจาะข้อมูล ระบบตรวจสอบ และกำชับให้ธนาคารพาณิชย์ยกระดับการดูแลและเยียวยาลูกค้า โดยเฉพาะกรณีที่มีการโอนเงินผิดพลาดต้องโอนเงินคืนให้ลูกค้าภายใน 24 ชั่วโมง. – สำนักข่าวไทย