ภูเก็ตรวบแล้วผู้ก่อเหตุข่มขืนนักท่องเที่ยวอังกฤษ

ภูเก็ต 10 พ.ย.- ตำรวจภูเก็ตจับกุมชายวัย 40 ปี ล่วงละเมิดทางเพศนักท่องเที่ยวสาวอังกฤษ เตรียมนำตัวฝากขังต่อศาล และรอผลตรวจผู้เสียหายจากแพทย์มาประกอบคดี


เมื่อเวลา 09.00 น. (10 พ.ย.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.วิฑูรย์ กองสุดใจ และ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวการจับกุมนายอำนาจ อัฒจักร อายุ 40 ปี เนื่องจากวานนี้ (9 พ.ย.) ตำรวจ สภ.ฉลอง ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายเป็นนักท่องเที่ยวสาวสัญชาติอังกฤษ อายุ 24 ปี ว่า คืนวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้ไปเที่ยวสถานบันเทิงย่านกะตะ-กะรน และพบชายดังกล่าว จากนั้นจึงให้ชายรายนี้ขับรถจักรยานยนต์พามาส่งที่พักโรงแรม แต่กลับถูกพาไปบ้านหลังหนึ่งใกล้หาดในหาน ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ด้วยความเมาจึงนอนหลับไป ผู้เสียหายอ้างว่ารู้สึกตัวอีกครั้งพบว่าถูกนายอำนาจ ล่วงละเมิดทางเพศ และผู้เสียหายนั้นเดินทางมาท่องเที่ยวเพียงลำพัง พนักงานสอบสวนจึงพาผู้เสียหายให้แพทย์ทำการตรวจร่างกาย เก็บหลักฐาน และดีเอ็นเอ รวมทั้งบูรณาการการทำงานทั้งตำรวจภูธรภาค 8 ตำรวจท่องเที่ยว ตรวจคนเข้าเมือง และประสานไปยังสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย  จนสืบทราบว่าผู้ก่อเหตุรายนี้คือ นายอำนาจ และขอศาลจังหวัดภูเก็ตออกหมายจับในความผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้” ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 80,000 บาทถึง 400,000 บาท 


นายอำนาจ ให้การว่า พบกับผู้เสียหายที่บาร์แห่งหนึ่งย่านกะตะ และดื่มกินกันจนกระทั่งพากลับมาที่ห้องเช่าของตน และฉวยโอกาสล่วงละเมิดทางเพศขณะที่ผู้เสียหายเมาไม่ได้สติ ต่อมาผู้เสียหายรู้สึกตัวและตกใจ วิ่งหนีออกไปจากห้อง 

พ.ต.อ.วิฑูรย์  กล่าวว่า ส่วนความผิดของผู้ต้องหานั้น  แม้อ้างว่าไม่ได้ใช้อวัยวะเพศกับผู้เสียหาย เพียงใช้นิ้วล่วงละเมิดทางเพศ  แต่ทางกฎหมายใหม่มีโทษความผิดฐานข่มขืนเช่นเดียวกัน  ขณะนี้อยู่ระหว่างนำตัวฝากขังต่อศาลจังหวัดภูเก็ต ส่วนกรณีผู้เสียหายให้การว่า เห็นถูกผู้ต้องหาใช้อวัยวะเพศกับตนเอง แต่ผลตรวจทางการแพทย์ไม่พบร่องรอยการถูกข่มขืนหรือคราบอสุจิ เนื่องจากก่อนจะมาพบแพทย์ ผู้เสียหายได้ล้างทำความสะอาดอวัยวะเพศของตนเองด้วยกลัวว่าจะติดโรคร้าย แต่อย่างไรก็ตาม ตนได้ให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบและเก็บร่องรอยหลักฐานและดีเอ็นเอในสถานที่เกิดเหตุเพื่อเป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดี.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชียงใหม่อากาศแปรปรวน เจอลมหนาว-ฝนตก 3 วันติด

ชาวเชียงใหม่เจอลมหนาวและฝนตกต่อเนื่อง 3 วันติด อุตุฯ ย้ำอากาศแปรปรวน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ยังมีฝนตกและลมหนาว แนะรักษาสุขภาพ

“อัจฉริยะ” ยื่นสอบปม “ทนายตั้ม” ปูดข่าวผู้บริหารปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ

“อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือตรวจสอบข้าราชการช่วยผู้บริหารรัฐวิสาหกิจปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ คาดอาจมีทนายดังเข้าไปเอี่ยว เสนอตำรวจให้สอบพยานรายสำคัญที่เป็นประโยชน์กับ “มาดามอ้อย”

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

“บิ๊กอ้อ” เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” มีพฤติการณ์หนี-ยุ่งเหยิงพยานฯ

“บิ๊กอ้อ” ชี้ตำรวจต้องออกหมายจับ “ทนายตั้ม” เหตุพบพฤติการณ์เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีคดีต่อเนื่อง 3 คดี เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นตอนเช้า-ภาคใต้ฝนหนัก

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นในตอนเช้า เตือนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง พร้อมอัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

MOU44

MOU 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง ตอนที่ 1

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องเอ็มโอยู 44 และเส้นแบ่งอาณาเขตทางทะเล หรือเส้นเคลม กลายเป็นปมร้อน ท่ามกลางความกังวลถึงผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และสิทธิเหนือเกาะกูด ติดตามความเห็นและมุมมองจากผู้เกี่ยวข้องในรายงาน “ปมร้อน เอ็มโอยู 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง”

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” สร้างตัวตนผ่านสื่อ หวังหาผลประโยชน์หรือไม่

หลังจากพนักงานสอบสวนควบคุมตัว “ทนายตั้ม” และภรรยา เข้าเรือนจำไปแล้ว มีคำถามตามมาว่า ทนายคนดังสร้างตัวตนจนโดดเด่นในสังคม เพื่อหาผลประโยชน์จากความน่าเชื่อถือที่สร้างไว้หรือไม่

ระเบิดปากีสถาน

ยอดเสียชีวิตจากเหตุระเบิดสถานีรถไฟปากีสถานเพิ่มเป็น 24 รายแล้ว

เหตุระเบิดสถานีรถไฟในเมืองเควตตา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถาน ตายเพิ่มเป็นอย่างน้อย 24 ราย บาดเจ็ดมากกว่า 40 ราย