ราคาน้ำมันไทยไม่ลดลงเหตุรัฐเก็บเงินกองทุนน้ำมันเพิ่ม

กรุงเทพฯ 3 พ.ย.-ราคาน้ำมันตลาดโลกดิ่งลงต่อเนื่อง แต่ราคาน้ำมันขายปลีกในไทยไม่ปรับลดลง เหตุรัฐเรียกเก็บเงินกองทุนน้ำมัน เพิ่มขึ้น 60 สต./ลิตร หวังมีเงินสะสม ไว้รองรับสถานการณ์ราคาตลาดโลกพุ่งขึ้นในอนาคต ด้าน ปตท.เริ่มเพิ่มสัดส่วนผสมปาล์มในบี 7 วันนี้ ร่วมแก้ปัญหาราคาปาล์ม

สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้ แจ้ง ประกาศ คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ฉบับที่ 69/2561 ลงวันที่ 2  พ.ย 61 แจ้งปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในส่วนของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกตัวเพิ่มขึ้น 0.60 สต.และ น้ำมันดีเซลหมุนเร็วเพิ่มขึ้น 0.60 สต. มีผลวันที่ 3 พ.ย. 61 ส่งผลให้ในวันที่ 3 พ.ย.ในส่วนของดีเซลบี 7 ไม่ต้องมีการอุดหนุนราคาอีกต่อไป หลังจากที่เคยอุดหนุนระดับสูงในช่วงราคาตลาดโลกพุ่งขึ้น ด้านเบนซิน จัดเก็บเงินกองทุนฯเพิ่มเป็น7.68 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์91,95 จัดเก็บ 1.72 บาท/ลิตร อี20 อุดหนุนลดลงเหลือ 1.18 บาท/ลิตร และอี85 อุดหนุนลดลงเหลือ 6.78 บาท/ลิตร 

รายงานข่าวแจ้งว่า การที่ กบง.เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเพิ่มทำให้ราคาขายปลีกในประเทศไม่ลดลงแม้ราคาน้ำมันโลกลดลง โดยสาเหตุที่จัดเก็บก็เพื่อเพิ่มเงินกองทุนน้ำมันให้มีฐานะสูงขึ้น เพื่อให้มีวงเงินเพียงพอที่จะลดความเสี่ยงจากราคาน้ำมันที่จะแพงขึ้นในอนาคต   โดยการที่กองทุนฯต้องอุดหนุนดีเซลก่อนหน้านี้ และยังมีภาระอุดหนุนก๊าซหุงต้มด้วย ทำให้ฐานะกองทุนสุทธิฯ ณ วันที่28 ต.ค.61 เหลืออยู่เพียง 23,354 ล้านบาท แยกเป็นบัญชีน้ำมัน 28,128 ล้านบาท และบัญชีก๊าซหุงต้ม ติดลบ 4,774 ล้านบาท 

ด้านสำนักข่าวต่างประเทศ รายงานการซื้อขายน้ำมันดิบวานนี้(2 พ.ย.) สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 55 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 63.14 ดอลลาร์/บาร์เรล สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 6 เซนต์ หรือไม่ถึง 0.1% ปิดที่ 72.83 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยราคาน้ำมันที่ลดลง เนื่องจากมี รายงานข่าวว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา จะอนุญาตให้ 8 ประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สามารถนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านได้ต่อไป หลังจากที่มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4พ.ย.นี้

ด้านบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ PTTOR แจ้งว่า  ยินดีร่วมมือตอบรับนโยบายการแก้ไขผลผลิตปาล์มที่มีราคาตกต่ำโดยจะปรับสัดส่วนการผสม บี 100 ให้เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงพลังงานตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2561 เป็นต้นไป            

ทั้งนี้ กระทรวงพลังงาน ได้ขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา7(ม.7) ในการปรับสัดส่วนผสมน้ำมันไบโอดีเซล100% (บี 100) ในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วพื้นฐานเพื่อให้เป็นน้ำมันไบโอดีเซล บี 7 จากปัจจุบันที่กำหนดอยู่ที่ 6.5-7.0% เฉลี่ย6.6% เพิ่มเป็น 6.8% คาดว่าจะช่วยดูดซับสต็อกน้ำมันปาล์มดิบ(Crude Palm Oil:CPO)ได้เพิ่มขึ้นราว 62,000 ตันต่อปี จากปัจจุบัน1.3 ล้านตันต่อปี -สำนักข่าวไทย