กรุงเทพฯ 28 ก.ย.-“พล.อ.ชวลิต” แนะทางออกประเทศ ตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล ชี้หากไม่แก้ระบบ 500 พรรคก็ตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ ขณะที่ “จตุพร” ขอ “พล.อ.ประยุทธ์” ลาออกจากนายกฯ และหัวหน้า คสช. หลังประกาศสนใจการเมือง แนะดู “พล.อ.ชวลิต” เป็นตัวอย่าง สร้างความชอบธรรมก่อนลงแข่งขัน เชื่อฝืนเดินหน้าต่อ ประเทศเกิดวิกฤติซ้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (28 ก.ย.) พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนายเผด็จ ภูรีปฎิภาน แกนนำ นปช. ร่วมแถลงทางออกประเทศ
พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ปัญหาของประเทศที่เกิดขึ้นในเวลานี้ เพราะไม่ปฎิบัติตามแนวทางที่พระมหากษัตริย์ได้สั่งการไว้ จึงเป็นปัจจัยทำให้ประเทศถดถอย เกิดความยากจน ที่พูดเช่นนี้ไม่ได้ต้องการให้ทะเลาะกัน ขับไล่ หรือประณามใคร แต่อยากให้คนไทยร่วมกันอย่าหวั่นไหวในการแก้ปัญหาบ้านเมือง โดยแนวทางแก้ไข คือ มอบสิทธิ เสรีภาพ ให้ประชาชนได้เรียนรู้ คืนอธิปไตยให้กลับสู่สามอำนาจบริหาร ใช้หลักกฎหมายกับศาล และทำให้เกิดการเลือกตั้งโดยประชาชนเพื่อประชาชน
“ขณะนี้แนวทางประชาธิปไตยที่เป็นเรื่องที่ประเทศไทยขาดมาก แต่คิดว่ากระบวนการประชาธิปไตยจะเกิดในเร็ววันนี้ ซึ่งมีกระบวนการเคลื่อนไหวของประชาชนแล้ว และเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว จะเสนอแผนงานโครงการเฉลิมพระเกียรติ 780 ปี ถวายแด่ในหลวงรัชกาลที่ 10 โดยมีแผนงานโครงการแบ่งเป็น 7 หมวด รวม 41 โครงการ วงเงิน 197 ล้านล้านบาท เพื่อตอบแทนคุณแผ่นดินในการยกระดับความเป็นอยู่” พล.อ.ชวลิต กล่าว
พล.อ.ชวลิต กล่าวอีกว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เมื่อมีการเลือกตั้ง ก็ต้องจัดตั้งรัฐบาลที่จะต้องรวมตัวกันประกอบด้วยหลายพรรค ที่มีกว่า 20 พรรค เพื่อจะได้ไม่แตกแยก หรือหากฝืนใช้รูปแบบเดิม จะนำไปสู่การทะเลาะไม่สิ้นสุด และคิดว่าการที่จะปล่อยให้มีการเลือกตั้งเช่นนี้อย่าให้มีเลย แต่ควรให้มีรัฐบาลเฉพาะกาลเข้ามาแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ใช้เวลาประมาณ 2 ปี แล้วนำรัฐธรรมนูญ 2540 มาปรับแก้ไข และใช้แทนฉบับปัจจุบันก่อนเลือกตั้งใหม่ วันนี้ต้องเซ็ตซีโร่เพื่อไปสู่สิ่งที่ถูกต้อง
“ศูนย์รวมปัญหาวันนี้อยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ การแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุด คือ การเสียสละ และเชื่อว่าจะได้ฟังที่ผมพูด และคิดจะทำทุกอย่างให้ถูกต้องด้วยตัวเอง เพราะท่านรู้ด้วยตัวเองว่าปัญหาอยู่ที่ตัวท่าน และรู้ว่าเป็นปัญหาหลัก แต่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวว่าจะพาประเทศไปสู่จุดที่ต้องการไม่ได้ ถ้าเป็นไปได้ก็ให้ลงมาเป็นเหมือนพวกเรา อย่าคิดแค่ว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ถูกต้องแล้ว และหวังว่าจะทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง ซึ่งถือว่าเป็นความปรารถนาดี ท่านเป็นคนดี แต่ห่วงมากไป” พล.อ.ชวลิต กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยจะจับมือกันเพื่อตั้งรัฐบาลและสนับสนุนนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ได้เป็นก็ไม่สำเร็จ จะรวมกัน 500 พรรคก็ตั้งไม่สำเร็จ
ด้านนายจตุพร กล่าวว่า ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดู พล.อ.ชวลิต เป็นตัวอย่าง ที่ในอดีตเมื่อจะลงเล่นการเมือง ก็ได้ลาออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกก่อนจะครบวาระ ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ในขณะนี้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศสนใจงานทางการเมือง และคณะรัฐมนตรีก็สนใจการเมืองเช่นกัน
“แม้ พล.อ.ประยุทธ์ และองคาพยพ จะออกแบบว่าให้อยู่ในหน้าที่ได้โดยไม่ต้องรับสมัครรับการเลือกตั้ง แต่ถือว่าตำแหน่งหัวหน้า คสช. และมาตรา 44 ถือเป็นอำนาจสูงสุดที่สามารถคุมอำนาจ หรือปลด กกต.ได้ ซึ่ง กกต.ถือเป็นกรรมการที่จะทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรม ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วการเลือกตั้ง กกต.คือผู้มีอำนาจสูงสุด แต่เชื่อว่า กกต.ไม่อาจจะขัดอำนาจของ คสช.ได้ นอกจากนี้ยังต้องการให้เห็นว่าภายใต้กติกาปัจจุบัน ไม่สามารถเดินหน้าประเทศไปข้างหน้าได้ ขอฝาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่สนใจเพียงแต่การเมือง แล้วจะจบ แต่ต้องสนใจประเทศไทย ประชาธิปไตย ประชาชนด้วยว่าสถานการณ์ในวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะการใช้อำนาจตามมาตรา 44 จะทำให้เกิดปัญหาตามมาในอนาคตอย่างแน่นอน” นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า การออกแบบรัฐธรรมนูญตามระบอบประชาธิปไตยเช่นนี้ ไม่ต่างกับการถอดแบบแก้เกมมาจากประเทศเมียนมา ที่มีทหารอยู่ในอำนาจ แต่แพ้การเลือกตั้ง ซึ่งเมื่อคณะกรรมการอยากเป็นผู้เล่น แต่กลับส่งสัญญาณเข้าข้างผู้เล่นอย่างชัดเจน ประเทศก็เดินต่อไปไม่ได้ ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เพื่อให้คนกลางได้เข้ามาทำหน้าที่ จึงจะสามารถลงเป็นผู้แข่งขันได้ เช่นเดียวกับผู้อื่น เพื่อความเสมอภาค และมองว่าที่ผ่านมา 5 ปี เศรษฐกิจอยู่ในขั้นวิกฤติ ประชาชนอดทนเพื่อแลกกับคำว่าความสงบ 5 ปีจึงถือว่าประชาชนให้โอกาสมามากแล้ว
“หาก พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ต่ออีก 20 ปีตามยุทธศาสตร์ชาติก็ไม่เป็นไร แต่ต้องอยู่ภายใต้การแข่งขันอย่างเสมอภาค เท่าเทียม ส่วมตัวผมไม่ขัดข้องหากใครจะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ขอให้มีความสง่างามและมีน้ำใจนักกีฬา และเป็นที่ยอมรับของประชาชน เพราะเชื่อว่าจะให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้” นายจตุพร กล่าว.-สำนักข่าวไทย