กรุงเทพฯ 7 ก.ย. – “สุทิน” พบ “บิ๊กจิ๋ว” ยกเป็นปูชนียบุคคล หวังเชิญเจิมเก้าอี้ แต่ถูกปฏิเสธเพราะปัญหาสุขภาพ มีทหารมาช่วยงานนับร้อย เตรียมเดินหน้านโยบาย นั่งเบนซ์กันกระสุนประจำตำแหน่งวันแรก เชื่อกระสุนไม่เข้าหา
นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังเข้าพบพล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประมาณ 12 นาที ว่า มาขอพรและมาเยี่ยมเยียน ซึ่งพล.อ.ชวลิตได้ให้กำลังใจและดีใจที่เห็นตนมานั่งเก้าอี้นี้ รวมถึงมั่นใจว่าตนจะทำงานได้
“ท่านบอกให้เชื่อมั่นในตัวเอง ทำให้ผมมีกำลังใจในการทำงานมากขึ้น และถ้ามีโอกาสจะมาหาอีก เพื่อพูดคุยเรื่องภายในกองทัพ และถ้าเป็นไปได้วันที่เข้าทำงานในกระทรวงกลาโหมวันแรก จะเชิญพล.อ.ชวลิตไปนั่งเก้าอี้ก่อนเพื่อเป็นการเจิม เพราะท่านเป็นทหารรุ่นเก่าเพียงไม่กี่คนที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของทหาร เก่งทั้งการเป็นทหารอาชีพและงานด้านการเมือง คือปูชนียบุคคล น่าจะเป็นสิริมงคล ซึ่งพล.อ.ชวลิตหัวเราะและปฏิเสธว่าไปไม่ได้ ติดปัญหาเรื่องสุขภาพ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าว
นายสุทิน กล่าวว่า จะผลักดันทุกนโยบาย และมีเรื่องหนึ่งที่สนใจ คือการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ซึ่งอยากเชิญทหารเก่ง ๆ ทหารสมัยใหม่ มาเชื่อมโยงกับนักวิทยาศาสตร์ นักเทคโนโลยี ด้วยการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 คณะ และจะอัพเกรดเทคโนโลยีของกองทัพ ให้เป็นกองทัพสมัยใหม่ และจะโฟกัสเรื่องนี้ให้ดี
เมื่อถามว่าหากรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ จะมีปัญหาหรือไม่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เพราะอยู่ภายใต้นายกรัฐมนตรีคนเดียวกัน อีกทั้งนโยบายก็หลอมรวมกันแล้ว ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำความเท่าเทียมแต่ละสถาบัน ซึ่งได้พูดตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งแล้ว
“มีทหารจะมาทำงานด้วยจำนวนมาก โดยแบ่งเป็นคณะทำงานและทำตามนโยบาย เช่น คณะทำงานชุดยกเลิกการเกณฑ์ทหาร คณะทำงานชุดปรับโครงสร้างกำลังพล คณะทำงานอัพเดทเทคโนโลยี เป็นเรื่องๆไป เพราะตอนนี้มีนายพลเยอะ อยู่กับผมเป็นกองพลหนึ่งแล้วมั้ง แต่ยังไม่ได้มอบหมายใคร เพราะอยู่ระหว่างการจัดคณะทำงานอยู่ มีพลเอกเกือบ 100 คน ไหนจะพลโท พลตรี อีก ซึ่งผมไม่หนักใจ เพราะเขาทำงานเป็นระบบ คนที่ยังอยู่ในราชการก็ทำงานกันไป ส่วนนอกราชการก็ตั้งเป็นทีมงาน ขณะนี้เริ่มปรับตัวการทำงานได้แล้ว และคุ้นชินมากขึ้น แต่อาจต้องใช้เวลา เพราะช่วงนี้ยังไม่ลงตัว แต่เชื่อว่าสัปดาห์หน้าก็จะชัดเจน คนติดตามจะน้อยลง ในเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัยก็ประมาณวันละ 3-4 คน และขณะนี้ได้เปลี่ยนมาใช้รถประจำตำแหน่งแล้ว ส่วนกันกระสุนหรือไม่ ไม่รู้นะ ผมคิดว่าคงไม่มีกระสุนมาหา แค่อยากลองใช้ดู ถือเป็นครั้งแรกที่ได้นั่งรถเบนซ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าว.-สำนักข่าวไทย