กรุงเทพฯ 11 ก.ย.- บก.น.1 สั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีมีผู้ร้องเรียนถูกตำรวจสืบสวนนครบาล 1 เรียกรับสินบน 50,000 บาทพร้อมย้ายมาตำรวจทั้ง 3 นาย ให้มาปฏิบัติงานที่ ศปก.น.1 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีที่นายศักดิ์ชัย แน่นอุดร อายุ 49 ปี ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกรับเงินจากตนจำนวน 50,000 บาท พื้นที่ สน.พญาไท นั้น ได้รับแจ้งเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2561 เวลาประมาณ 13.00 น. นายศักดิ์ชัย แน่นอุดร อายุ 49 ปี ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.พญาไทย ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.1 ซึ่งอ้างว่าได้เรียกรับเงินสินบนจากตนเป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท ไปนั้น โดยประกอบไปด้วยนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร จำนวน 3 นาย ชั้นประทวนจำนวน 4 นาย รวม 7 นาย ในความผิดฐาน “ร่วมกันกรรโชกทรัพย์และใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดนั้น” ขณะนี้ทาง สน.พญาไท นั้นได้รับคำร้องทุกข์ตามคดีอาญาไว้แล้วและอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อจะได้ดำเนินคดี กับทั้งได้รายงานเรื่องให้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล 1 ทราบ และได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเพื่อสืบสวนข้อเท็จจริง กับทั้งได้มีคำสั่งให้กลุ่มข้าราชการตำรวจที่ถูกกกล่าวหานั้น มาปฏิบัติราชการ ที่ศูนย์ปฏิบัติการ กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 โดยขาดจากหน้าที่เดิมตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2561 เป็นต้นไป
รองโฆษก ตร. กล่าวต่อว่า ยังกล่าวต่ออีกว่า ในกรณีดังกล่าวการกระทำผิดกฎหมายเป็นเรื่องของความประพฤติส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับองค์กรแต่อย่างใด ยืนยันทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะไม่ปกป้องข้าราชการตำรวจที่กระทำผิดกฎหมายอย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้จะต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ซึ่งพนักงานสอบสวนและคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง จะดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ ตามกรอบกฎหมาย และระยะเวลาที่กำหนด
ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งการมาโดยตลอด ห้ามเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าไปยุ่งเกี่ยว เรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหน้าที่อันเป็นการเหลื่อมล้ำกับกฎหมาย สร้างความเดือนร้อนแก่พี่น้องประชาชน โดยเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติงานด้วยความสุจริต เป็นธรรม ให้บริการประชาชนด้วยใจ เสมือนเป็นคนในครอบครัว นึกถึงความเดือดร้อน หรือปัญหาต่างๆที่ประชาชนมาขอความช่วยเหลือเป็นสำคัญ คอยบำบัดทุกข์บำรุงสุกแก่ประชาชน ตลอดจนการปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบของกฎหมาย พร้อมกำชับผู้บังคับบัญชา คอยสอดส่องดูแล ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิดทั้งในเวลาราชการและนอกเวลาราชการ หากพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีความประพฤตินอกรีต ไปเรียกรับเงินทอง เรียกรับผลประโยชน์อื่นใด หรือแม้กระทั่งใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ จะดำเนินทางวินัยและอาญา อย่างเด็ดขาดไม่ปล่อยไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เสื่อมเสียชื่อเสียงขององค์กรและเสียกำลังใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประพฤติปฏิบัติดีอยู่แล้ว.-สำนักข่าวไทย