สปส. 3 ก.ย.- ก้าวสู่ปีที่ 29 สำนักงานประกันสังคม เร่งขยายความคุ้มครองแรงงานอิสระเข้าระบบเพิ่ม 1 ล้านคน
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดงานวันคล้ายวันจัดตั้งสำนักงานประกันสังคม ครบรอบ 28 ปี ซึ่งตรงกับวันที่ 3 กันยายนของทุกปี พร้อมมอบโล่และรางวัลแก่ผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่สำนักงานประกันสังคม จำนวน 23 ท่าน ใน 4 ด้าน ได้แก่ ด้านวิชาการ 4 ท่าน ด้านการแพทย์ 9 ท่าน ด้านนวัตกรรม 1 หน่วยงาน และด้านสนับสนุนเครือข่ายประชาสัมพันธ์และอื่นๆ 9 ท่าน และมอบโล่และเงินรางวัลให้แก่สถานพยาบาลที่ได้รับเลือกเป็นสถานพยาบาลในดวงใจ และสถานพยาบาลต้นแบบการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค จำนวน 5 รางวัล ด้วย
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวชื่นชมสำนักงานประกันสังคม ที่พัฒนางานให้ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง เป็นที่พึ่งและหลักประกันความมั่นคงในชีวิตแก่แรงงานมาตลอด ทำให้แรงงานผู้ประกันตนที่อยู่ในระบบ กว่า 15 ล้านคน ได้เข้าสู่การรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพ
-ทั้งการทำฟันโดยไม่ต้องสำรองจ่าย ทำให้ผู้ประกันตนเข้ารับบริการเพิ่มเป็น 1.27 ล้านครั้ง จากเดิม 8 แสนครั้งในปี 60
-การเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร จาก 400 บาท เป็น 600 บาท ต่อเดือน ให้แก่บุตรผู้ประกันตนกว่า 1 ล้านคน ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกกฎกระทรวง ให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลังตั้งแต่ 1 มกราคม 2561 เป็นต้นไป
-และเพิ่มสถานพยาบาลรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดที่ให้บริการตลอด 24 ชม.
-เพิ่มค่าฝากครรภ์ กรณีคลอดบุตร ให้กับผู้ประกันตนกว่า 290,000 คน เพิ่มสิทธิประโยชน์และค่าทดแทนให้กับลูกจ้างที่ทำงานให้กับนายจ้าง ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมเสนอสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนนำขึ้นทูลเกล้าเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย คาดว่ามีผลบังคับใช้ภายในสิ้นปีนี้
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวต่อว่า ในการก้าวเข้าสู่ปีที่ 29 ของสำนักงานประกันสังคม ได้เน้นย้ำให้ดำเนินงานตามกลยุทธ์ก้าวกระโดด ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนของปีงบประมาณ 2562 เช่น นำแรงงานอาชีพอิสระ เช่น แท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง และกลุ่มอื่นๆ ที่มีอยู่ประมาณ 22 ล้านคน เข้าสู่ระบบประกันสังคม เป็นผู้ประกันตนตาม ม.40 ให้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1 ล้านคนต่อปี จากปัจจุบันที่มี 113,777 คน และเพิ่มสิทธิประโยชน์เข้ารับการผ่าตัดวันเดียวกลับ (One day Surgery) ปรับปรุงสิทธิกรณีรักษาโรคมะเร็ง ทุพพลภาพ รวมถึงมาตรฐานสถานพยาบาลให้เทียบเท่าระดับพรีเมียมพร้อมปฏิรูประบบบำนาญชราภาพรองรับสังคมผู้สูงอายุ เพื่อสร้างความเป็นธรรม และเท่าเทียมทางสังคมด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับการเพิ่มเงินสมทบ จากฐานเงินเดือน 15,000 เป็น 20,000 บาท ที่จำต้องจ่ายสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาทจากเดิม 750 บาท ยืนยันเดินหน้าปรับแน่นอน แต่อยู่ระหว่างการทำความเข้าใจกับประชาชน และยังอยู่การพิจารณา หากมีความเห็นต่างและยังไม่ชัดเจน จะยังคงไม่นำเข้าสู่คณะรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย