fbpx

ทส.เพาะพันธุ์ม้าน้ำ คืนสู่ธรรมชาติครั้งแรก

หาดเจ้าไหม 17 ก.ย.-ประเทศไทย เพาะพันธุ์ม้าน้ำและปล่อยคืนสู่แหล่งหญ้าทะเลตามธรรมชาติครั้งแรก นำร่องเกาะมุกและหาดหยงหลำ อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง กว่า 450 ตัว พร้อม เฝ้าติดตามพฤติกรรมและอัตราอยู่รอด


 

พลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง ปล่อยพันธุ์ม้าน้ำ 2 ชนิด รวมกว่า 450 ตัว ลงอยู่แหล่งอาศัยตามธรรมชาติครั้งแรกของประเทศไทย นำร่องพื้นที่แรกบริเวณเกาะมุกและหาดหยงหลำ ภายในอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม  คือ ลูกม้าน้ำดำ อายุ 10 วัน จำนวน 350 ตัว และ ม้าน้ำดำขนาดใหญ่ อายุ 1 ปี จำนวน 20 ตัว กับ ม้าน้ำหนาม อายุ 81 วัน จำนวน 80 ตัว ตามโครงการฟื้นฟูประชากรม้าน้ำในแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ เพื่อแก้ปัญหาการส่งออกม้าน้ำของประเทศไทยที่มีจำนวนสูงมาก จนการค้าม้าน้ำในไทยถูกจัดอยู่ในระดับน่าห่วงใยเร่งด่วน โดยเฉพาะม้าน้ำ 3 ชนิด จาก 7 ชนิดเสี่ยงสูญพันธุ์ คือ ม้าน้ำดำ ม้าน้ำยักษ์ และม้าน้ำหนาม


 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ม้าน้ำกำลังถูกคุกคามอย่างหนัก สาเหตุจากการสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัยบริเวณแนวหญ้าทะเล แนวปะการัง ป่าชายเลนที่เป็นแหล่งอาศัยของม้าน้ำ และลักลอบจับส่งออกขาย เพื่อทำยารักษาโรค ซึ่งการเพาะพันธุ์ม้าน้ำปล่อยคืนสู่ธรรมชาติครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกของโลก เพื่อขยายพันธุ์ม้าน้ำที่เสี่ยงสูญพันธุ์ของไทย ควบคู่กับการเฝ้าติดตามพฤติกรรมม้าน้ำที่ปล่อยลงกรงพักม้าน้ำใต้ทะเลตรงแหล่งหญ้าทะเลบริเวณเกาะมุกและหาดหยงหลำ ทั้งการปรับตัว การจับคู่ผสมพันธุ์ การวางไข่ และอัตราการอยู่รอด

ขณะที่ นางอุมาพร พิมลบุตร รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า กรมประมง ตั้งเป้าเพาะพันธุ์ม้าน้ำเพื่อปล่อยคืนสู่ธรรมชาติทั้ง 3 ชนิด ให้ได้อย่างน้อย 100,000 ตัว ควบคู่กับการ ศึกษาวิจัยม้าน้ำไทยเพื่อขยายพันธุ์เพิ่มในอนาคต ทั้งนี้ ข้อตกลงระหว่างประเทศได้จัดม้าน้ำเข้าสู่อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์(ไซเตส) ในบัญชี 2 ที่ต้องควบคุมหรือจำกัดปริมาณการทำการค้าเพื่อไม่ให้เกิดผลเสียหายต่อการลดจำนวนประชากรม้าน้ำอย่างรวดเร็ว.-สำนักข่าวไทย


 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ขอบคุณทุกหน่วยงานระดมช่วยผู้ประสบภัย

“นายกฯ แพทองธาร” ขอบคุณทุกหน่วยงานระดมช่วยผู้ประสบอุทกภัย หวัง ศปช.รับมือ-ช่วยเหลือรวดเร็วทันท่วงที รวมถึงการเยียวยาหลังจากนี้

ฟื้นฟูชายแดนแม่สาย-เร่งกู้ตลาดสายลมจอย

เจ้าหน้าที่เร่งฟื้นฟูชุมชนชายแดนแม่สายที่ถูกน้ำท่วมและจมโคลนมานาน 10 วัน รวมทั้งเร่งกู้ตลาดสายลมจอยแหล่งจำหน่ายสินค้าชายแดนที่เสียหายอย่างหนัก

ฆ่ารัดคอขับโบลท์

รวบ “ไอ้แม็ก” ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ พบเคยถูกจับคดีโหด

จับแล้ว “ไอ้แม็ก” เดนคุก ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ ทิ้งร่างอำพราง ริมถนนห้วยพลู จ.นครปฐม ก่อนเอารถไปขาย สอบประวัติ พบเพิ่งพ้นโทษ คดีล่ามโซ่ล่วงละเมิดเด็กวัย 13 ปี นาน 1 สัปดาห์ เมื่อปี 2553