เพชรบุรี 6 ส.ค. – สถานการณ์น้ำในเขื่อนแก่งกระจาน อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากคาดว่าน้ำจะล้นอาคารระบายน้ำล้น หรือสปิลเวย์ เมื่อคืนที่ผ่านมา แต่มีการระดมกำลังใช้กาลักน้ำ รวมถึงระดมเครื่องสูบน้ำแรงสูง ค่อยๆ ระบายน้ำออกจากเขื่อน ทำให้ขณะนี้น้ำยังไม่ล้นสปิลเวย์
สำนักข่าวไทยยังคงเกาะติดสถานการณ์น้ำในเขื่อนแก่งกระจาน อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี หลังจากที่มีปริมาตรในเขื่อนล่าสุดอยู่ที่ร้อยละ 99 ความจุ 701 ล้านลูกบาศก์เมตร จากความจุทั้งหมด 710 ล้านลูกบาศก์เมตร
อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พบว่าน้ำยังไม่ล้นสปิลเวย์ โดยเจ้าหน้าที่กรมชลประทานและฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้เร่งระบายน้ำออกจากเขื่อนฯ ผ่านกาลักน้ำขนาดใหญ่ รวมถึงสูบน้ำด้วยเครื่องสูบน้ำกำลังสูง หรือ Hydro Flow เพื่อยืดเวลาไม่ให้น้ำล้นสปิลเวย์ จนทำให้ปริมาณน้ำท้ายเขื่อนเพิ่มขึ้นจนไม่สามารถควบคุมได้
ปริมาตรน้ำในเขื่อนแก่งกระจานเมื่อเวลา 20.00 น.ที่ผ่านมา อยู่ต่ำกว่าสันของสปิลเวย์ 15 เมตร แต่เวลา 22.45 น. ระดับน้ำอยู่ต่ำกว่าสันของสปิลเวย์ 3 เซนติเมตรเท่านั้น ซึ่งระดับน้ำ 1 เซนติเมตร ที่ห่างจากสันสปิลเวย์ เทียบเท่ากับปริมาตรน้ำในเขื่อน 1 ล้านลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เร่งทำงานแข่งกับเวลาเพื่อค่อยๆ ระบายน้ำออกจากเขื่อน เนื่องจากหากน้ำล้นสปิลเวย์อาจทำให้พื้นที่ท้ายเขื่อนมีปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้น จนส่งผลกระทบต่อระดับน้ำในแม่น้ำเพชรบุรี และเข้าร่วมพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ หากน้ำไปถึงเขื่อนเพชรบุรีอาจต้องระบายน้ำออกจากเขื่อน ไหลผ่านแม่น้ำเพชรบุรี ผ่านตัวเมืองเพชรบุรี จนอาจทำให้มีน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำ
นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ติดตั้งกาลักน้ำเพิ่มเติมจากเดิม รวมทั้งติดตั้งเครื่องสูบน้ำ Hydro Flow ซึ่งเป็นเครื่องสูบน้ำระบบไฮโดรลิกกำลังสูง สูบน้ำได้มาก เพื่อยืดเวลาที่น้ำในเขื่อนแก่งกระจานจะยกระดับจนล้นสปิลเวย์ เพื่อไม่ให้ล้นออกมาในช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา ประการสำคัญคือ หากน้ำยังไม่ล้นสปิลเวย์ จะทำให้สามารถระบายน้ำออกท้ายเขื่อนได้ตามปกติ รวมถึงควบคุมอัตราการไหลของน้ำ และน้ำจะไม่เอ่อล้นแม่น้ำเพชรบุรี จนท่วมพื้นที่ริมตลิ่งหรือที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ อีกทั้งยังจะมีเวลาในการพร่องน้ำออกจากเขื่อนและผลักดันออกสู่ทะเลไปให้ได้มากที่สุด
ส่วนการระดมกำลังระบายน้ำในแม่น้ำเพชรบุรีออกสู่ทะเล ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ14 เครื่อง จากทั้งหมด 30 เครื่อง ที่อำเภอเมืองและอำเภอบ้านแหลม และติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ 14 เครื่อง จากทั้งหมด 44 เครื่อง ที่บริเวณวัดเขาตะเคราและวัดคุ้งตำหนัก เพื่อระบายน้ำในแม่น้ำเพชรบุรีออกสู่ทะเล และเตรียมพร้อมรองรับน้ำจากเขื่อน
ทั้งนี้ หากน้ำล้นสปิลเวย์ของเขื่อนแก่งกระจาน อาจทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนสูงขึ้น และคาดว่าจะสูงสุดในวันที่ 10 สิงหาคม หลังจากนั้นมวลน้ำจะไหลถึงเขื่อนเพชรบุรี ในอัตรา 230-250 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่กรมชลประทานจะใช้เขื่อนเพชรบุรีหน่วงน้ำและตัดเข้าระบบชลประทาน เพื่อผันออกสู่คลองสาขา รวมถึงแม่น้ำเพชรบุรี และไหลผ่านตัวเมือง อาจทำให้น้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำและชุมชนบางแห่ง สูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะเกิดน้ำท่วมไม่นานและไม่ถึง 2 เดือนตามกระแสข่าว
ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา บริเวณถนนสุรินฤาไชย หรือถนน 18 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจชั้นในของเทศบาลเมืองเพชรบุรี ที่คาดว่าจะมีน้ำที่ล้นสปิลเวย์ไหลเข้าท่วมขังเช่นปี 59 และปี 60 พบว่าร้านค้าต่างๆ ได้เร่งกันนำเอากระสอบทรายมาวางเป็นแนวกันน้ำ และบางรายได้นำเอาซีแพกบล็อกมาก่อเป็นพนังกันน้ำบริเวณหน้าร้านค้า โดยเอาสองก้อนมาต่อกัน มีความสูงประมาณ 40 เซนติเมตร เมื่อรวมกับความสูงของทางเท้าอีก 20 เซนติเมตร ผนังกั้นน้ำที่ชาวบ้านก่อมีความสูงประมาณ 60 เซนติเมตร หรือ 1 เมตร
เจ้าของร้านค้าบอกว่า กระสอบทรายที่แจกให้ครัวเรือนละ 25 ใบ ไม่เพียงพอ และลำเลียงได้อย่างล่าช้า จึงตัดสินใจซื้อซีแพกบล็อกมาก่อเป็นพนังกันน้ำแทน เพราะปีที่ผ่านมาใช้กระสอบทรายมาเรียงกันน้ำ แต่ถูกคลื่นที่รถวิ่งผ่านไปมากระเพื่อมชนจนไม่สามารถกันน้ำได้ จึงก่อกำแพงซึ่งแข็งแรงกว่าและทำได้เร็วกว่า แม้จะต้องควักเงินลงทุนในส่วนนี้ก็ดีกว่าปล่อยให้น้ำเข้าไปในตัวร้านจนสินค้าเสียหาย. – สำนักข่าวไทย