กรุงเทพฯ 22 ก.ค. – กรมชลประทานสั่งทุกพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง พร้อมลดระบายน้ำจากเขื่อนหลัก ป้องกันน้ำล้นตลิ่งพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง
นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึงการเร่งบรรเทาอุทกภัยจากสถานการณ์ฝนตกหนักในหลายพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือพบว่า ขณะนี้จังหวัดพิษณุโลกในเขตอำเภอนครไทยที่น้ำล้นตลิ่งลำน้ำคาน ท่วมถนนสายบ้านป่าควาย-ห้วยเฮี้ย ปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
ส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด ในเขตอำเภอเสลภูมิ น้ำล้นตลิ่งลำน้ำยัง และมีการกัดเซาะพนังกั้นน้ำขาด ปิดจุดขาดเรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันยังคงมีพื้นที่น้ำท่วม 21,950 ไร่ สำนักงานชลประทานที่ 6 เร่งระดมสูบออกจากพื้นที่เกษตร ทำให้ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนจังหวัดยโสธร อำเภอป่าติ้ว น้ำล้นตลิ่งในลำสาขาของลำเซบาย น้ำท่วมพื้นที่การเกษตรประมาณ 2,800 ไร่ ปัจจุบันน้ำในลำเซบายลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมีน้ำท่วมพื้นที่การเกษตร
จังหวัดนครพนม มีน้ำไหลบ่าท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง และอำเภอโพนสวรรค์ ในเขตอำเภอเมือง ระดับน้ำเริ่มลดลงแล้ว กรมชลประทานติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาด 8 นิ้ว 3 เครื่อง เพื่อช่วยเร่งระบายน้ำ ปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ในเขตอำเภอโพนสวรรค์ มีน้ำท่วมเส้นทางสัญจรประมาณสูงประมาณ 1 เมตร ยาว 600 เมตร ปัจจุบันระดับน้ำเริ่มลดลงแล้ว สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว จังหวัดบึงกาฬ แมีน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอเซกา และอำเภอบุ่งคล้า ท่วมพื้นที่การเกษตร ชุมชน และเส้นทางสัญจร ทั้งนี้ น้ำที่ท่วมในเขตอำเภอเมืองจะระบายลงสู่ลำห้วยบังบาด และลงแม่น้ำโขง ปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
จังหวัดเลย มีน้ำท่วมในพื้นที่ อ. ด่านซ้าย น้ำจากลำห้วยหมัน ไหลหลากท่วมพื้นที่การเกษตรและเส้นทางสัญจร ระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 0.50 ม. คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติใน 1-2 วัน จังหวัดกาญจนบุรี มีน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ชุมชน ในเขตอำเภอสังขละ ระดับน้ำลดลงแล้วแต่ยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมขังในบางจุด จังหวัดพิจิตร มีสถานการณ์น้ำหลาก ในเขตอำเภอทับคล้อ ปัจจุบันระดับน้ำลดลงแล้ว แต่อาจมีน้ำท่วมขังในบางจุด จังหวัดนครสวรรค์ ในเขตอำเภอไพศาลี น้ำล้นสปิลเวย์ จากอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ ท่วมพื้นที่การเกษตรประมาณ 80 ไร่ แต่ระดับน้ำลดลงแล้ว
ทั้งนี้ กรมชลประทานประสานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ (กฟผ.) ลดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลและสิริกิติ์จากวันละ 16 ล้านลูกบาศก์เมตร เหลือวันละ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร ตั้งแต่วันที่ 21 – 29 กรกฎาคม รวมทั้งลดปริมาณการระบายท้ายเขื่อนเจ้าพระยาลง เนื่องจากมีฝนตกในพื้นที่ลุมเจ้าพระยาและมีน้ำไหลลงไปลำน้ำเป็นปริมาณมาก อีกทั้งกรมอุตุนิยมวิทยายังคงประกาศเตือนให้เฝ้าระวังฝนที่จะคงตกชุกหลายพื้นที่และตกหนักบางแห่ง จึงต้องลดการระบายน้ำจากเขื่อนหลัก เพื่อป้องกันภาวะน้ำล้นตลิ่งพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง.-สำนักข่าวไทย