สหรัฐ 21 ก.ย. – นายกรัฐมนตรีเสนอต่อที่ประชุมสุดยอดระดับผู้นำด้านผู้ลี้ภัยให้ทุกประเทศร่วมมือแก้ปัญหาและยินดีที่ประชาคมโลกรับรองแถลงการณ์นิวยอร์กสำหรับผู้ลี้ภัยและผู้โยกย้ายถิ่นฐาน ติดตามจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมพิธีเปิด การประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญครั้งที่ 71 ณ สำนักงานใหญ่ สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก โดยนายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวเปิดการประชุม ซึ่งปีนี้สหประชาชาติได้ประกาศเป้าหมายเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในปี 2030
จากนั้นนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมสุดยอดระดับผู้นำด้านผู้ลี้ภัย ตามคำเชิญของประธานาธิบดีสหรัฐ และกล่าวถ้อยแถลงว่า ปัจจุบันมีคนผลัดถิ่นกว่า 65 ล้านคน และกว่า 21 ล้านคน เป็นผู้หนีภัยเข้าสู่ยุโรปและภูมิภาคอื่นๆ กลายเป็นภาระหนักของประเทศแรกรับ ซึ่งประเทศไทยก็ตกอยู่ในสภาวะนั้นตลอด 4 ทศวรรษที่ผ่านมา รัฐบาลไทยให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ผู้หนีภัยการสู้รบจากประเทศเพื่อนบ้านกว่า 100,000 คน การโยกย้ายถิ่นแบบไม่ปกติและแรงงานต่างด้าวกว่า 3 ล้านคน จัดงบประมาณ 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี สำหรับการดูแล
ประเทศไทยมุ่งแก้ปัญหาอย่างจริงจังด้วยการปรับปรุงและบังคับใช้กฎหมาย และกำลังพิจารณาจัดทำระบบคัดกรองให้เป็นมาตรฐานสากล เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์
นายกรัฐมนตรีเรียกร้องให้ทุกประเทศ โดยเฉพาะประเทศต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ร่วมกันรับผิดชอบแก้ไขปัญหา และเสนอให้ประเทศปลายทางสนับสนุนเงินทุน พัฒนาสภาพความเป็นอยู่และขีดความสามารถ และร่วมกับ UNHCR เร่งรัดกระบวนการการคัดกรอง การส่งต่อไปยังประเทศที่สามให้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อช่วยลดภาระของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยินดีที่ประชาคมโลกร่วมกันรับรองแถลงการณ์นิวยอร์ก สำหรับผู้ลี้ภัยและผู้โยกย้ายถิ่นฐาน
นายกรัฐมนตรีได้เข้าเฝ้าและหารือทวิภาคีกับสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งจอร์แดน กล่าวชื่นชมบทบาทจอร์แดนในการรักษาสันติภาพภายในประเทศ การให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์และชาวซีเรีย พร้อมยกระดับความสัมพันธ์ของสองประเทศที่จะเฉลิมฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 50 ปี ในเดือนพฤศจิกายน และเห็นชอบเปิดสถานทูตจอร์แดนประจำประเทศไทย
ในโอกาสนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน ได้กล่าวถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และยังได้ติดตามความคืบหน้าความร่วมมือไทย-จอร์แดน ในด้านต่าง ๆ อาทิ ด้านอุตสาหกรรม การศึกษาและการทำฝนหลวง. – สำนักข่าวไทย