กทม. 18 ก.ค.-ก.เกษตรฯ วางแผนกระจายลำไยในฤดูผลิตปี 2561 ที่จะออกมากในเดือน ส.ค. ซึ่งตามคาดการณ์จะมีปริมาณ 381,498 ตัน ผ่านระบบอี-มาร์เก็ต เพื่อแก้ปัญหาราคา
นายสำราญ สาราบรรณ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ลำไยเป็นผลไม้เศรษฐกิจที่ปลูกกันมากใน 8 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำปาง ลำพูน ตาก แพร่ และน่าน ในฤดูผลิตปี 2561 จะออกมากในเดือนสิงหาคม ตามคาดการณ์จะมีปริมาณ 381,498 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 1.08 โดยมีแผนส่งออกประมาณ 82,544 ตัน คิดเป็นร้อยละ 21.64 และทำเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปคิดเป็นร้อยละ 71 อาทิ การแปรรูปอบแห้งทั้งเปลือก แปรรูปอบแห้งเนื้อสีทอง ลำไยกระป๋อง น้ำลำไยสกัดเข้มข้น ที่เหลือจะส่งเสริมการบริโภคผลสดภายในประเทศ ประมาณ 28,084 ตัน คิดเป็นร้อยละ 7.36 ด้วยวิธีกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิตผ่านช่องทางต่างๆ เช่น ผู้ประกอบการโมเดิร์นเทรด วิสาหกิจชุมชน การกระจายผ่านเครือข่ายสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น
สำหรับปีนี้กรมส่งเสริมการเกษตรสนับสนุนให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการรณรงค์การผลิตลำไยคุณภาพ โดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีการตัดแต่งช่อผล ตัดต้นเตี้ยมาช่วยในการผลิตในโครงการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ (ลำไย) 53 แปลง ส่งผลให้ผลผลิตมีคุณภาพเพิ่มขึ้น เป็นเกรด AA และ A คาดว่าจะมีผลผลิตลำไยคุณภาพออกมาประมาณ 27,000 ตัน และบางแปลงสามารถผลิตลำไยเกรด AAA
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรจะนำผลผลิตลำไยแปลงใหญ่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน และน่าน นำร่องขายสินค้าแบบอี-มาร์เก็ต ผ่าน Thailandpostmart.com แบ่งลักษณะสินค้าออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม Business to Business หรือ B2B คือการขายส่งสินค้าปริมาณมาก ให้ทั้งตลาดโมเดิร์นเทรด โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ผู้แปรรูป และกลุ่ม Business to Customer หรือ B2C โดยร่วมกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จะเป็นการขายสินค้าคุณภาพเกรดพรีเมียมส่งตรงถึงมือผู้บริโภค เป็นสินค้าคุณภาพเกรดพรีเมียม ซึ่งเกษตรกรจะขายได้ในราคาที่สูงขึ้น สำหรับราคาลำไยล่าสุดเมื่อวานนี้ (17 ก.ค.) ที่จังหวัดเชียงใหม่ และลำพูน เกรด AA กิโลกรัมละ 30 บาท เกรด A กิโลกรัมละ 26 บาท เกรด B กิโลกรัมละ 15-16 บาท.-สำนักข่าวไทย