fbpx

เปิดตัว “นพ.ริชาร์ด แฮร์ริส” ผู้อนุมัติขั้นสุดท้ายให้หมูป่าว่ายน้ำออกจากถ้ำ

เชียงราย 9 ก.ค. – เปิดตัวหมอออสเตรเลียไฟเขียวทีมหมูป่าดำน้ำออกจากถ้ำหลวง หลังเป็นผู้ตรวจสุขภาพและประเมินขั้นสุดท้ายว่าทุกคนพร้อมดำน้ำ


หลังสำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานโดยอ้างคำแถลงของนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้บัญชาการเหตุการณ์ศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ว่า ปฏิบัติการทยอยนำตัวสมาชิกทีมหมูป่าทั้ง 13 คนออกจากถ้ำ เกิดขึ้นหลังแพทย์จากออสเตรเลียซึ่งเดินทางเข้าไปตรวจสุขภาพของผู้ประสบภัย ยืนยันสุขภาพร่างกายและจิตใจของทั้ง 13 คน แข็งแรงเพียงพอสำหรับปฏิบัติการดำน้ำออกจากถ้ำ พร้อมทีมนักดำน้ำนานาชาติ โดยหนังสือพิมพ์ “เดอะ ซิดนีย์ มอร์นิ่ง เฮรัลด์” รายงานเพิ่มเติมว่า แพทย์ผู้นั้นคือ นพ.ริชาร์ด แฮร์ริส วิสัญญีแพทย์จากเมืองแอดิเลด  


ทั้งนี้ นพ.แฮร์ริส ซึ่งร่วมเดินทางมากับคณะของเจ้าหน้าที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติออสเตรเลีย ดำน้ำเข้าไปพบกับสมาชิกทีมหมู่ป่าทั้ง 13 คน ที่เนินนมสาว เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เพื่อตรวจสุขภาพและประเมินสภาพจิตใจของกลุ่มผู้ประสบภัย และเป็นผู้ที่ “อนุมัติขั้นสุดท้าย” ว่าทั้ง 13 คน พร้อมสำหรับภารกิจครั้งสำคัญ โดยมีการเปิดเผยด้วยว่า ทีมนักดำน้ำจากสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญต่อปฏิบัติการครั้งนี้ เสนอชื่อ นพ.แฮร์ริส ต่อทางการไทยว่าให้เป็นผู้ตรวจสุขภาพของสมาชิกทีมหมูป่าทั้ง 13 คน


ขณะที่นายเดวิด สไตรค์ ผู้จัดการดำน้ำมืออาชีพ กล่าวว่า รู้จักกับ นพ.แฮร์ริส มานานกว่า 10 ปีแล้ว และยืนยันว่า นพ.แฮร์ริส เป็นบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับภารกิจกู้ชีพภายในถ้ำ จากการมีประสบการณ์ดำน้ำมานานกว่า 30 ปี มีความรู้และความเข้าใจในเทคโนโลยีการดำน้ำเป็นอย่างดี อีกทั้งมีความสนใจความปลอดภัยในการดำน้ำ และการสืบสวนอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้อง นพ.แฮร์ริสเคยร่วมการกิจสำรวจถ้ำทั้งในออสเตรเลีย เกาะคริสต์มาสซึ่งเป็นดินแดนโพ้นทะเลของออสเตรเลีย จีน และนิวซีแลนด์. – สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ขอบคุณทุกหน่วยงานระดมช่วยผู้ประสบภัย

“นายกฯ แพทองธาร” ขอบคุณทุกหน่วยงานระดมช่วยผู้ประสบอุทกภัย หวัง ศปช.รับมือ-ช่วยเหลือรวดเร็วทันท่วงที รวมถึงการเยียวยาหลังจากนี้

ฟื้นฟูชายแดนแม่สาย-เร่งกู้ตลาดสายลมจอย

เจ้าหน้าที่เร่งฟื้นฟูชุมชนชายแดนแม่สายที่ถูกน้ำท่วมและจมโคลนมานาน 10 วัน รวมทั้งเร่งกู้ตลาดสายลมจอยแหล่งจำหน่ายสินค้าชายแดนที่เสียหายอย่างหนัก

ฆ่ารัดคอขับโบลท์

รวบ “ไอ้แม็ก” ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ พบเคยถูกจับคดีโหด

จับแล้ว “ไอ้แม็ก” เดนคุก ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ ทิ้งร่างอำพราง ริมถนนห้วยพลู จ.นครปฐม ก่อนเอารถไปขาย สอบประวัติ พบเพิ่งพ้นโทษ คดีล่ามโซ่ล่วงละเมิดเด็กวัย 13 ปี นาน 1 สัปดาห์ เมื่อปี 2553