กรุงเทพฯ 2 ก.ค. – กรมประมงใช้งบไทยนิยมยั่งยืนช่วยเหลือผู้เลี้ยงกุ้งทะเล ตั้งศูนย์ผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์แจกจ่ายเกษตรกรป้องกันโรคระบาดในกุ้ง
นางอุมาพร พิมลบุตร รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งทะเลมักประสบปัญหาโรคระบาดในกุ้งเป็นผลจากสภาพน้ำมีสารอินทรีย์สะสม ทำให้กุ้งติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งสมุทรสาครจึงร่วมกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์หรือ “จุลินทรีย์ ปม.1” เมื่อปี 2551 โดยคัดเลือกจุลินทรีย์ในกลุ่มบาซิลลัส 3 ชนิด ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการย่อยสลายสารอินทรีย์เหมาะสำหรับใช้บำบัดสารอินทรีย์ที่ตกค้างสะสมในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยระยะเริ่มต้นกรมประมงผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์ ปม.1 จำนวน 100,000 ซอง เพื่อแจกจ่ายให้กับเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทั่วประเทศไทย จากนั้นพัฒนาทั้งสูตรผงและสูตรน้ำมอบแก่เกษตรกรอย่างต่อเนื่อง แต่จากปริมาณการเลี้ยงกุ้งทะเลเพิ่มขึ้น ทำให้เกษตรกรจำนวนมากประสบปัญหาสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมและโรคระบาด เกษตรกรต้องการหัวเชื้อจุลินทรีย์ ปม. 1 เพิ่มขึ้นเกินกว่ากำลังการผลิตของกรมประมง
สำหรับปีนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดสรรงบประมาณในโครงการไทยนิยมยั่งยืนมาให้กรมประมงจัดทำโครงการสร้างทักษะและส่งเสริมอาชีพด้านการเกษตร ภายใต้โครงการ ไทยนิยม โดยจัดตั้งศูนย์ผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์ ปม.1 หนุนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตกุ้งทะเลให้แก่กลุ่มเกษตรกร ชมรม สมาคม และสมาพันธ์เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำที่มีความพร้อมและมีศักยภาพในการดำเนินการ รวม 20 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 19 จังหวัดได้แก่ ตรัง พังงา กระบี่ ภูเก็ต ปัตตานี สตูล พัทลุง ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง ตราด ระยอง ฉะเชิงเทรา จันทบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม กาญจนบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ใช้งบประมาณกว่า 9,800,000 บาท โดยหัวเชื้อจุลินทรีย์ ปม.1 มีกลไกช่วยย่อยสลายสารอินทรีย์ในน้ำสามารถลดปริมาณเชื้อก่อโรคในสิ่งแวดล้อมและระบบทางเดินอาหาร รวมถึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพย่อยอาหารของกุ้ง เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรคและลดการใช้ยาปฏิชีวนะ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายสินค้าเกษตรปลอดภัยของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โครงการนี้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2561 เป็นต้นมา โดยมุ่งหวังจะผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์ ปม.1 สูตรน้ำแจกจ่ายให้กับเกษตรกรนำไปใช้ในการเลี้ยงกุ้งทะเลและสัตว์น้ำอื่น ๆ อย่างทั่วถึงและพอเพียงโดยคาดการณ์ว่าสามารถให้บริการแจกจ่ายแก่เกษตรได้อย่างทั่วถึงและเพียงพอต่อความต้องการ.-สำนักข่าวไทย