ศาลฎีกา 19 มิ.ย – ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุก “สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล” 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชี้การออกหนังสือเดินทางให้ทักษิณ ส่งผลให้กระบวนการยุติธรรมและคำพิพากษาของศาลยุติธรรมไทยอ่อนแอ ไม่มีสภาพบังคับ กระทบกระเทือนต่อชื่อเสียงและเกียรติภูมิของประเทศ ศาลให้ประกันตัววงเงิน 5 ล้าน ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ อ้างปัญหาสุขภาพ เตรียมยื่นอุทธรณ์คดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12:30 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา คดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ฐานความผิดปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีออกหนังสือเดินทาง หรือ พาสปอร์ตให้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกออกหมายจับในคดีร่วมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ก่อการร้าย และคดีอื่นๆ ซึ่งขัดต่อระเบียบข้อบังคับกระทรวงการต่างประเทศ ว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง
โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยว่าจำเลยตระเตรียมการเพื่อออกหนังสือเดินทางประเภทบุคคลทั่วไปให้แก่นายทักษิณ ตั้งแต่ชั้นรับคำร้องขอพิจารณาเสนอความเห็น และสั่งการเพื่อปลดรายชื่อออกจากบัญชีรายชื่อบุคคลที่ต้องตรวจสอบก่อนออกหนังสือเดินทาง และปลดล็อกในระบบคอมพิวเตอร์โดยปกปิดซ่อนเร้นเรื่อยมา อันเป็นการฝ่าฝืนต่อแนวทางปฎิบัติตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ. 2548 ข้อ 21
โดยจำเลยอ้างนโยบายของรัฐบาลที่ไม่มีอยู่จริงและไม่ปรากฏว่าคณะรัฐมนตรีได้เข้ามารู้เห็นเกี่ยวข้องส่งผลโดยตรงให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือเดินทางประเภทบุคคลทั่วไปให้นายทักษิณ เท่ากับว่าจำเลยในฐานะรัฐมนตรีสนับสนุนช่วยเหลือนายทักษิณซึ่งเป็นผู้ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกและหลบหนีหมายจับในคดีความมั่นคง ให้สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้โดยสะดวกอยู่ในต่างประเทศโดยไม่ผิดกฎหมายและรัฐบาลไทยไม่อาจขอให้รัฐบาลประเทศนั้นขับออกจากประเทศหรือส่งผู้ร้ายข้ามแดนอันเนื่องจากเหตุที่ไม่มีหนังสือเดินทางได้
ส่งผลให้กระบวนการยุติธรรมและคำพิพากษาของศาลยุติธรรมไทยอ่อนแอและไม่มีสภาพบังคับนอกจากนี้ยังส่อให้เห็นถึงความไม่เป็นเอกภาพของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐของไทยในสายตาประชาคมโลก ซึ่งกระทบกระเทือนต่อชื่อเสียงและเกียรติภูมิของประเทศ เป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฏหมายสำหรับนายทักษิณอันเป็นการกระทำโดยมิชอบและโดยทุจริต
องค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมากเห็นว่าพฤติกรรมของจำเลย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 (เดิม) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา123/1 คือ ลงโทษจำคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา เพราะการกระทำของจำเลยเป็นการบั่นทอนความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายและความน่าเชื่อถือ รวมถึงมีเจตนาช่วยเหลือผู้หลบหนี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.40 น. นายปรีชา ศรีเจริญ ทนายความของนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เปิดเผยว่า ศาลอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวนายสุรพงษ์ ด้วยวงเงินประกัน 5 ล้านบาท โดยคำร้องขอประกันตัวได้อ้างเรื่องสุขภาพที่ปัจจุบันนายสุรพงษ์เป็นโรคความดันและโรคเบาหวาน ซึ่งในการปล่อยตัวชั่วคราวนี้ ศาลห้ามออกนอกประเทศ ส่วนการยื่นอุทธรณ์ในคดีดังกล่าวจะดำเนินการหลังจากนี้.-สำนักข่าวไทย