ประชุมสุดยอด ACMECS Summit ครั้งที่ 8

โรงแรมแชงกรี-ลา 16 มิ.ย.61- วันนี้มีการประชุมผู้นำ ACMECS ครั้งที่ 8 อย่างเป็นทางการ ซึ่งในฐานะที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมได้เสนอแผนแม่บทระยะ 5 ปี


จากการประชุม ACMECS ครั้งที่ 8 นี้ ประเทศสมาชิกได้ลงนามเอกสาร 2 ฉบับ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกที่จะใช้ประโยชน์จากความแข็งแกร่ง คือ ร่างปฏิญญากรุงเทพ และแผนแม่บท ACMECS ระยะ 5 ปี ซึ่งเป็นแผนแม่บทฉบับแรกของอนุภูมิภาค 

การประชุมสุดยอดผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี – เจ้าพระยา – แม่โขง ACMECS Summit ครั้งที่ 8 ภายใต้หัวข้อ “การก้าวไปสู่ประชาคมลุ่มแม่น้ำโขงที่เชื่อมโยงกัน” หรือ Towardsan Integrated and Connected Mekong Communit ได้ปิดฉากลงแล้ว ท่ามกลางบรรยากาศความร่วมมือกันของ 5 ประเทศสมาชิก ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และไทย ที่เห็นสอดคล้องให้มีแผนแม่บท ACMECS ระยะ 5 ปี ตามที่ประเทศไทยเสนอ ซึ่งถือเป็นแผนแม่บทฉบับแรกของอนุภูมิภาค ที่จะใช้กำหนดแนวทางการดำเนินการระหว่างประเทศสมาชิก ACMECS เพื่อให้การดำเนินการสอดรับกับแผนแม่บทอาเซียน


โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลสำเร็จของการประชุมว่า การผลักดันให้เกิดแผนแม่บท ACMECS ระยะ 5 ปีข้างหน้า ตั้งแต่ปี 2562-2566 ภายใต้สโลแกน 3S ได้แก่ การเสริมสร้างความเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อในอนุภูมิภาค การสอดประสานด้านเศรษฐกิจ และการพัฒนาภูมิภาคในลักษณะยั่งยืนและมีนวัตกรรม จะทำให้เกิดความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาค โดย 2 ปีแรก จะต้องดำเนินการในโครงการที่ทำได้ทันที แต่ทุกประเทศสมาชิกจำเป็นต้องแสวงหาแหล่งเงินทุนเข้ามาในกองทุน ACMECS FUND ที่ไทยเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้ง ซึ่งไทยจะสนับสนุนเงินก่อตั้งจำนวนหนึ่งและยังอยู่การพิจารณาเรื่องข้อกฎหมายการเงินระหว่างประเทศ คาดว่ากองทุนดังกล่าวจะก่อตั้งได้ในปีนี้ 

สำหรับการประชุมครั้งนี้ ประเทศสมาชิกได้ลงนามเอกสาร 2 ฉบับ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกที่จะใช้ประโยชน์จากความแข็งแกร่ง คือ ร่างปฏิญญากรุงเทพ และแผนแม่บท ACMECS ระยะ 5 ปี และสิ่งที่รัฐบาล 5 ประเทศสมาชิกต้องคำนึงร่วมกันคือการลดช่องว่างระหว่างกัน ให้เกิดการเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ เปิดทางให้ภาคธุรกิจได้เข้ามาช่วยพัฒนาเศรษฐกิจในอนุภูมิภาค.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

New Zealanders march towards Wellington to protest Indigenous treaty bill

ชาวเมารีเต้นฮากาประท้วงร่าง กม.นิวซีแลนด์

เวลลิงตัน 15 พ.ย.- ผู้คนในหลายเมืองทั่วนิวซีแลนด์เข้าร่วมการเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังกรุงเวลลิงตัน เพื่อประท้วงร่างกฎหมายลิดรอนสิทธิของชนพื้นเมือง โดยมีการเต้นฮากาที่เป็นวัฒนธรรมของชาวเมารีในระหว่างการประท้วงด้วย รัฐสภานิวซีแลนด์ผ่านความเห็นชอบในเบื้องต้นเมื่อวานนี้ เรื่องการตีความใหม่สนธิสัญญาอายุ 184 ปี ที่มกุฎราชกุมารอังกฤษกับหัวหน้าชาวเมารีมากกว่า 500 คนลงนามในปี พ.ศ.2383 กำหนดเรื่องการปกครองนิวซีแลนด์ร่วมกัน ซึ่งเป็นแนวทางในการออกกฎหมายและนโยบายของประเทศมาจนถึงปัจจุบัน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เกิดการชุมนุมประท้วงตามเมืองต่าง ๆ ทั่วนิวซีแลนด์ โดยมีการจัดเดินขบวนเป็นเวลา 9 วันมุ่งไปยังกรุงเวลลิงตัน คาดว่าขบวนจะถึงเมืองหลวงในวันที่ 19 พฤศจิกายน ตำรวจแถลงวันนี้ว่า มีคนประมาณ 10,000 คน เข้าร่วมการเดินขบวนในเมืองโรโตรัว ห่างจากกรุงเวลลิงตันไปทางเหนือราว 450 กิโลเมตร ผู้ประท้วงแต่งกายในชุดชนพื้นเมือง มีการเต้นฮากาที่เป็นวัฒนธรรมของชาวเมารี โดยได้รับการต้อนรับจากคนจำนวนมากที่มาโบกธงเมารีและร่วมร้องเพลง.-814.-สำนักข่าวไทย

วัดอรุณฯ เนืองแน่น นักท่องเที่ยวแห่ร่วมงานลอยกระทง

นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติแน่นวัดอรุณฯ ร่วมงานประเพณีลอยกระทง 2567 “ลอยกระทง วิถีไทย ปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” มีน้องหมูเด้ง Thai Cuteness นำนักท่องเที่ยวแต่งชุดไทยสืบสานคุณค่าวัฒนธรรม นางสาวไทย(ดินสอสี) ชวนรำวงลอยกระทง 6 ภาษา ผลักดันเทศกาลไทยสู่ World Event หมุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวทั่วโลก

“เจ๊พัช” ขอโทษรัฐมนตรีน้ำ ยืนยันไม่รู้จักส่วนตัว

“กฤษอนงค์” โพสต์ขออภัยรัฐมนตรีน้ำและคุณพ่อ ปมคลิปเสียงแอบอ้าง พร้อมขอน้อมรับผิดไว้แต่เพียงผู้เดียว แจงเป็นการสนทนาแนวทางส่งเสริมอาชีพเท่านั้น

“จิราพร” มอบทนายนำคลิปเข้าแจ้งจับนักร้องเรียนหญิงอ้างชื่อรีดทรัพย์

ทนายความ “รมต.” นำคลิปเข้าแจ้งจับนักร้องเรียนหญิง อ้างชื่อเรียกรับเงินกลุ่ม “ดิไอคอน” ยืนยันไม่เคยรู้จักกัน

ข่าวแนะนำ

ซูเปอร์มูน

ทั่วโลกแห่ชมซูเปอร์มูนครั้งสุดท้ายของปีนี้

เมื่อคืนที่ผ่านมาผู้คนทั่วโลกมีโอกาสได้ชมดวงจันทร์ที่เรียกว่าซูเปอร์มูนซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายของปีนี้

หารือสีจิ้นผิง

นายกฯ หารือ “สี จิ้นผิง” ขยายความร่วมมือการค้า-ลงทุน

นายกรัฐมนตรี หารือ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าการลงทุนระหว่างกันให้มากขึ้น พร้อมแลกเปลี่ยนการแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชนสองประเทศ พร้อมอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วจากปักกิ่งประดิษฐานท้องสนามหลวง