ศธ.6 มิ.ย.-ศธ.เตรียมเยียวยาเหยื่อกองทุนเสมาฯ 18 ล้านบาทภายในมิ.ย.นี้ ด้าน ปปง.เร่งสืบเส้นทางการเงินเเละทรัพย์สิน เพื่อเรียกเงินคืนกลับ ศธ.
นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือร่วมกับ พ.ต.ต.พีระพล ยอดสนิท ผู้อำนวยการกองคดี 4 สำนักงานป้องกันเเละปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ว่า ที่ประชุมได้หารือเพื่อสืบเส้นทางการเงินของนางรจนา สินที อดีตข้าราชการระดับ 8 ศธ.ที่ยอมรับสารภาพว่าทุจริตว่าเงินอยู่ที่ทรัพย์สินประเภทใด และวางแผนการเยียวยานักศึกษาวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีเเละครูอัตราจ้างในโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ เเละราชประชานุเคราะห์ที่ได้รับผลกระทบ
โดยได้สรุปตัวเลขการเยียวยาสถาบันการศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 20แห่งและวิทยาลัยพยาบาล 20 แห่ง รวมเงินทั้งสิ้น 18,655,825 บาท คาดว่าการเยียวยาจะเสร็จสิ้นภายในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งขึ้นอยู่กับการประชุมคณะกรรมการกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตที่มีนายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน ซึ่งเงินเยียวยานี้จะให้ย้อนหลังไป10ปี ทั้งนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ และจบการศึกษาไปแล้ว แต่ส่วนใหญ่สถาบันการศึกษามักแก้ปัญหาด้วยการจ่ายเงินเด็กกองทุนนี้ด้วยเงินส่วนอื่นไปก่อน
ด้าน พ.ต.ต.พีระพล ยอดสนิท ผอ.กองคดี 4 ป.ป.ง.กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างการสืบทรัพย์สินของนางรจนา รวมถึงผู้ที่อยู่ในเส้นทางการเงิน โดยทรัพย์สินมีทั้งอสังหาริมทรัพย์ที่ดิน และบัญชีเงินในธนาคาร แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการเสร็จเร็วๆนี้ เพื่อนำเงินคืนกระทรวงเร็วที่สุด ซึ่งยอดเงินเบื้องต้นที่มีการทุจริตไปคือ77 ล้านบาท
ขณะที่นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่าขณะนี้ยังอยู่ระหว่างให้นิติกรตรวจสอบสำนวนที่คณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงฯ สรุปมา แต่เนื่องจากผู้ที่คณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงฯชี้มูลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตกองทุนเสมาฯ ทั้ง 25 รายนั้น เป็นข้าราชการในหลายระดับ อยู่ในหลายสังกัดไม่ได้สังกัดแค่ ศธ.เช่น สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย จึงเป็นประเด็นว่ากรณีนี้เกี่ยวกับข้าราชการหลายคน และมีผู้บังคับบัญชาหลายระดับ เช่นนี้ใครจะเป็นผู้บังคับบัญชาที่สามารถดำเนินการสั่งสำนวนได้ เช่น ร้ายแรง ไม่ร้ายแรง หรือยุติ ดังนั้น เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ศธ.จึงทำหนังสือหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ว่ากรณีลักษณะใครจะเป็นผู้มีอำนาจในการสั่งสำนวนเพื่อให้เกิดความชัดเจนและดำเนินการที่ถูกต้อง ส่วนการสอบความผิดทางละเมิดนั้นยังอยู่ระหว่างการทาบทามกรรมการเข้ามาทำหน้าที่
“ถึงแม้จะมีข้าราชการ ศธ.เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และสามารถเสนอ รมว.ศึกษาฯ สั่งการได้ แต่ก็มีคนของหลายหน่วยงานมาเกี่ยวข้องต้องดูให้ละเอียด ซึ่งการหารือกับ ก.พ.จะได้แนวทางชัดเจน ว่าให้แต่หน่วยงานสั่งสำนวนเอง สั่งอย่างไร หรือจะทำสำนวนในภาพรวมทีเดียว จากนี้คงต้องรอทาง ก.พ.ตอบมา ซึ่งหลังจากส่งหนังสือเป็นทางการแล้ว ผมก็จะประสานอย่างไม่เป็นทางการ ขอให้ทาง ก.พ.ช่วยพิจารณาโดยเร็วด้วย”นายการุณ กล่าว
ส่วนการเยียวยาให้แก่ผู้รับทุนกองทุนเสมานั้น นายการุณ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับข้อมูลจากนายอรรถพล แต่ก่อนหน้าที่มีการประชุมคณะกรรมการบริการกองทุนเสมาฯ ได้มีมติให้ทำหนังสือสอบถามไปยังกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังว่ากองทุนสามารถนำเงินที่มีอยู่ ซึ่งเป็นในส่วนของกำไรมาใช้ เพื่อเยียวยาเด็กที่ไม่ได้รับทุนได้หรือไม่ ซึ่งก็ได้ทำหนังสือไปเรียบร้อยแล้ว รอทางกรมบัญชีกลางตอบกลับมา หากตอบกลับมาเช่นไรก็จะนัดประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนทันที ซึ่งถ้ากรมบัญชีกลางตอบว่าสามารถใช้เงินดังกล่าวได้ ก็สามารถอนุมัติการจ่ายเพื่อเยียวยาได้ทันทีเพราะมีเงินแล้ว ขณะเดียวกัน ในการประชุมครั้งต่อไปก็จะต้องพิจารณาไปถึงการวางมาตรการสำหรับการดูแลเด็กทุนเสมารุ่นใหม่ และจัดทำคู่มือการเบิกจ่ายเงินกองทุนด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ความคืบหน้าการเอาผิดทางวินัยข้าราชการ หลังคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง ได้เสนอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยข้าราชการที่เกี่ยวข้อง รวมนางรจนา ทั้งสิ้น 25 คน โดยมีข้าราชการระดับสูงเกี่ยวข้อง 3 คนนั้น เบื้องต้นพบว่าข้าราชการระดับซี 10 และ11 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ระดับ 9 จะต้องรอการวินิจฉัยจากปลัดกระทรวง และ รมว.ศึกษาธิการเป็นหลัก โดยเร็วๆ นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการกองทุน เพื่อเสนอแนวทางการดำเนินงาน และป้องกัน เช่น ต้องให้สถาบันการศึกษาออกใบเสร็จรับเงินทุกครั้งและส่งยืนยันมาที่กระทรวงด้วย .-สำนักข่าวไทย