กรุงเทพฯ 24 พ.ค. – กรมโรงงานชี้โรงงานรีไซเคิลฯ ฉะเชิงเทราเข้าข่ายลักลอบประกอบกิจการ เตรียมลุยตรวจ 31,000 โรงงาน ก่อนสิ้นปี 61
นายมงคล พฤกษ์วัฒนา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากประเด็นร้องเรียนของชาวบ้านในพื้นที่ ต.แปลงยาว อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ที่ได้รับผลกระทบจากโรงงานประกอบกิจการรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ของบริษัท ดับบลิว เอ็มดี ไทย รีไซคลิ้ง จำกัด ที่มีการหลอมตะกั่วส่งกลิ่นเหม็นรบกวนตลอดเวลา หลังจากตรวจสอบพบว่าบริษัทดังกล่าวได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการถอดแยกชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และบดย่อยชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์จริง แต่บริษัทฯ ถูกสั่งให้ระงับการประกอบกิจกรรมเพื่อปรับปรุงแก้ไขโรงงาน พร้อมตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงอาคาร ระบบไฟฟ้า ระบบขจัดมลพิษทางอากาศ ตลอดจนยังมีความผิดด้านเงื่อนไขใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน เนื่องจากมีการประกอบกิจการโรงงานก่อนวันเริ่มประกอบกิจการโรงงานที่แจ้งไว้
ส่วนกรณีวัตถุดิบที่ตรวจพบภายในบริเวณโรงงาน เป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์จำพวกชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เข้าข่ายเป็นของเสียเคมีวัตถุตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และเข้าข่ายเป็นของเสียอันตรายตามอนุสัญญาบาเซล ซึ่งหากมีการนำเข้าจากต่างประเทศจะต้องได้รับคำยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรระหว่างหน่วยงานภาครัฐจากประเทศต้นทางกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมก่อนมีการเคลื่อนย้ายข้ามแดน และบริษัทฯ ต้องได้รับใบอนุญาตนำเข้าวัตถุอันตรายก่อนเท่านั้น จึงจะนำเข้ามาในประเทศไทยได้ แต่จากการตรวจสอบบริษัทฯ ไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของอนุสัญญาบาเซล จึงมีความผิดตามมาตรา 23 แห่ง พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ต้องระวางโทษตามมาตรา 73 จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายมงคล กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมฯ ได้สั่งการให้หน่วยงานภายใต้การกำกับลงพื้นที่ตรวจกำกับดูแลสถานประกอบการของกระทรวงอุตสาหกรรมและกรมโรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศ 31,000 โรงงาน ภายในปี 2561 โดยจะเน้นการตรวจสอบที่เน้นเรื่องมลพิษทางน้ำ มลพิษทางอากาศ และการจัดการกากอุตสาหกรรมให้เป็นไปตามกฎหมายและปฏิบัติตามเงื่อนไขใบประกอบอนุญาตกิจการอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ ยังจะเน้นการตรวจสอบกลุ่มโรงงานในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ในเรื่องของการจัดการกากอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยง โดยจะวางแผนร่วมตรวจสอบกับฝ่ายปกครองของจังหวัดกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. ซึ่งจะดำเนินการตามแผนดังกล่าวให้เสร็จภายในเดือนกันยายน 2561.-สำนักข่าวไทย