กรุงเทพฯ 28 เม.ย.- ตร.บุรีรัมย์ ซ้อนแผนจับหนุ่มแสบอ้างตัวเป็น พ.ต.ท.ใฃ้ชื่อ “กอ.รมน.”เปิดไลน์รีดเงิน 5 หมื่น พ้นคดียาเสพติด
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงการจับกุมคนร้ายอ้างตัวเป็นตำรวจเรียกรับเงินเพื่อช่วยพ้นคดียาเสพติด จำนวน 50,000 บาทแต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจซ้อนแผนจับกุมตัวไว้ได้ที่ จว.บุรีรัมย์ ว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 61 เวลาประมาณ 05.30 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการยาเสพติดภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายชนกันต์ หรือต้อม ดาวสันเทียะ อายุ 35 ปี ซึ่งสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 เม.ย.61 ได้มีนางรักชม สุทธิสาร มาพบ พ.ต.ท.สยาม เกียรติบรรจง ที่ที่ทำการปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อนำเงินจำนวน 20,000 บาท มาให้ตามที่ตกลงกันไว้เพื่อช่วยเหลือนายพิทักษ์ สุทธิสาร น้องชายของนางรักชมฯ ซึ่งถูกจับก่อนหน้านี้ให้หลุดพ้นคดีหรือให้รับโทษน้อยลงแต่ พ.ต.ท.สยามฯ ไม่ทราบเรื่อง จึงได้สอบถามนางรักชมฯ จนทราบว่าก่อนเกิดเหตุได้มีคนร้ายใช้โทรศัพท์หมายเลข 06 5486 3489 ใช้ไลน์ชื่อว่า “กอ.รมน.” แอบอ้างว่าเป็น พ.ต.ท.สยาม เกียรติบรรจง ปฏิบัติหน้าที่ รองหัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ร่วมกับพวกจับกุมนายพิทักษ์ สุทธิสาร น้องชายของนางรักชมฯ ในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ ได้เรียกเงินค่าช่วยเหลือจำนวน 50,000 บาทเพื่อให้หลุดพ้นคดีหรือให้รับโทษน้อยลง
นางรักชม เกิดหลงเชื่อเพราะในขณะที่นายพิทักษ์ ถูกจับกุมและสอบสวนขยายผลนั้น นางรักชม ได้มาเยี่ยมนายพิทักษ์ และทราบว่า พ.ต.ท.สยาม เป็นชุดจับกุมนายพิทักษ์ และมีตัวตนจริง อีกทั้งผู้ต้องหาที่อ้างตัวได้ส่งบันทึกจับกุมที่จัดทำปลอมขึ้นส่งทางแฟ็กส์และระบบไลน์มาให้ดูด้วย ทำให้มีน้ำหนักน่าเชื่อถือมากขึ้น นางรักชมฯ หลงเชื่อว่าเป็นความจริง ได้โอนเงินเข้าบัญชีผู้ต้องหารวมเป็นเงิน 30,000 บาท ส่วนที่เหลือนัดหมายจ่ายกันในภายหลังคือวันที่ 20 เมษายน 2560 นางรักชมฯ จึงทราบว่าถูกหลอกลวงแล้วจึงได้ร้องทุกข์ดำเนินคดีที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเริ่มทำการสืบสวนสอบสวน จนทราบว่าผู้ที่กดเบิกถอนเงินคือ น.ส.สายฝน ปะคำปรึก อายุ 31 ปี เป็นภรรยาของผู้ต้องหาที่ใช้มากดเงินที่นางรักชมฯ โอนเข้ามา จึงได้ติดตามตัว น.ส.สายฝนฯ มาสอบสวนซึ่ง น.ส.สายฝนฯ รับว่าผู้ใช้ให้มากดเงินคือนายชนกันต์ฯ ผู้ต้องหาในคดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำติดตามตัวจนสามารถจับกุมตัวนายชนกันต์ฯ พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ,รูปถ่ายของนายชนกันต์ ฯ ในชุดเครื่องแบบข้าราชการตำรวจปกติขาวได้ในที่สุด นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อหา “ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม ,แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น ,ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และหมิ่นประมาทผู้อื่น”
รองโฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่าในคดีนี้ผู้ต้องหามีวิธีการกระทำความผิดที่เนียบเนียนทั้งอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีตัวตนอยู่จริง ,ใช้รูปโปรไฟล์แต่งเครื่องแบบตำรวจ และมีการส่งเอกสารแฟกซ์บันทึกการจับกุมเพื่อทำให้เกิดความน่าเชื่อถือจนทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้ ซึ่งคดีนี้ต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำงานอย่างรวดเร็วทั้งการรวบรวมพยานหลักฐาน,การติดตามภาพจากกล้องจรปิดจนสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในที่สุด ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งการมาโดยตลอด ตำรวจต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ใช่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วไปปฏิบัติหน้าที่เหลื่อมล้ำกับกฎหมายเสียเองโดยเฉพาะการเรียกรับผลประโยชน์เพื่อช่วยเหลือผู้ต้องหาให้พ้นจากกระทำความผิด ทาง ผบ.ตร.ยอมรับไม่ได้ ไม่เลี้ยงไว้อยู่แล้วต้องดำเนินคดีทั้งทางวินัยและอาญา แต่หากเป็นกลุ่มมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าตำรวจ คอยสร้างความเดือดร้อนต่อพี่น้อง ประชาชน อีกทั้งเป็นการทำลายภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นต่อองค์กร ต้องเร่งสืบสวน ติดตาม จับกุม ให้ได้โดยเร็วเพื่อให้พี่น้องประชาชนเกิดความมั่นใจและเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนเคยได้รับความเสียหายจากการกระทำในลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งความร้องทุกข์เพื่อเอาผิดกับผู้ต้องหารายนี้ได้ อีกทั้งขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนในการสอดส่องดูแลและร่วมแจ้งเบาะแส ข้อมูลของผู้กระทำความผิด โดยสามารถแจ้งข้อมูลมายังสถานีตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียงหรือแจ้งหมายังหมายเลข สายด่วน 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย