กรุงเทพฯ 27 เม.ย. – ดีเดย์ 1 พ.ค.นี้ กรมโรงงานฯ นำระบบ E-license และ Auto E-license มาใช้กำกับดูแลการจัดการกากอุตสาหกรรม สามารถอนุมัติคำขอได้ภายใน 3 วินาที
นายมงคล พฤกษ์วัฒนา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมนี้ กรอ.จะนำระบบ E-license และ Auto E-license มาใช้ในการดูแลการจัดการกากอุตสาหกรรมต้นน้ำจนถึงปลายน้ำครบวงจร ตั้งแต่ผู้ก่อกำเนิดของเสีย ผู้ขนส่งของเสีย ผู้บำบัดกำจัดและรีไซเคิลของเสีย ซึ่งในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมามีการยื่นคำขอมายังกรมโรงงานแล้ว 34,000 รายการ และจากการนำร่องทดสอบระบบมีการเข้าสู่ระบบ E-license และ Auto E-license แล้วคิดเป็นร้อยละ 10 สามารถอนุมัติคำขอได้ภายใน 3 วินาที
สำหรับการกำหนดชนิด ประเภท และรหัสของเสีย รวมถึงวิธีกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วออกนอกบริเวณโรงงาน สำหรับระบบ Auto E-license เพิ่มทำได้แล้ว 402 รหัส หรือคิดเป็นร้อยละ 50 ของรหัสของเสียอุตสาหกรรมทั้งหมดกว่า 800 รหัส การรับรองผู้บำบัดและกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว และการกำหนดคุณสมบัติของผู้รับบำบัดหรือกำจัดกากที่จะเข้าใช้งานระบบ Auto E-license จะต้องผ่านการรับรอง Green Industry ระดับที่ 3 ขึ้นไป และได้รับการรับรองมาตรฐานโรงงานจัดการกากอุตสาหกรรม ระดับเหรียญทอง และต้องมีการดำเนินการบำบัด/กำจัดในกระบวนการที่ขอรับรองไม่น้อยกว่า 1 ปี
ส่วนการปรับปรุงกฎหมายและระเบียบดังกล่าว จะช่วยให้เกิดประโยชน์ ต่าง ๆ ได้แก่ ทางด้านผู้ก่อกำเนิดของเสีย คือ โรงงานอุตสาหกรรมทั่วไปจะสามารถย่นระยะเวลาการขออนุญาตและลดภาระพื้นที่การจัดเก็บกากอุตสาหกรรม อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสและทางเลือกวิธีและกระบวนการกำจัดกากที่มีคุณภาพมากขึ้น ด้านผู้รับบำบัด/กำจัดของเสีย หรือโรงงานผู้รับบำบัดและกำจัดกาก จะก่อให้เกิดการแข่งขันเรื่องของกระบวนการกำจัด รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมการกำจัดในรูปแบบใหม่เพื่อให้ได้มาตรฐานที่ดีขึ้นในอนาคต และถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการประกอบการกำจัดกากขยะอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ กรอ.คาดว่ากากขยะอุตสาหกรรมจากในปริมาณทั้งหมดกว่า 24 ล้านตัน ตามตัวชี้วัดปีงบประมาณ 2561 จะสามารถเข้าระบบได้มากขึ้น จากปัจจุบันเข้าระบบแล้วกว่า 9 ล้านตัน นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าจะเพิ่มปริมาณผู้ประกอบการที่รับกำจัดกากชั้นดีเพิ่มขึ้น เพื่อให้ผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบสามารถคัดเลือกตามความเหมาะสมของประเภทกากขยะ และเพิ่มโอกาสและทางเลือกให้กับผู้ก่อกำเนิดของเสียได้ต่อไป .-สำนักข่าวไทย