กรุงเทพฯ 30 มี.ค. – ออมสินจับมือตลาดหลักทรัพย์ฯ ช่วยเหลือเอสเอ็มอี ผ่านกองทุนโครงการ SMEs Private Equity Trust Fund และอยู่ระหว่างเจรจา 20 ราย 995 ล้านบาท
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการ ธนาคารออมสิน เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินโครงการ SMEs Private Equity Trust Fund ที่ธนาคารออมสินร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ที่ผ่านมาธนาคารออมสินได้ลงนามสัญญาร่วมลงทุนไปแล้ว 9 ผู้ประกอบการ คิดเป็นวงเงิน 275 ล้านบาท ในจำนวนนี้รวมถึงการลงนามสัญญาร่วมลงทุนวันนี้ด้วย 2 ราย ได้แก่ บริษัท ช็อคโก้ คาร์เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจสร้างระบบ CRM สำหรับลูกค้าเอสเอ็มอี และระดับ Corporate ในประเทศไทย ซึ่งกองทุนร่วมลงทุนกับบริษัทตั้งแต่ปี 2559 เป็นเงิน 10 ล้านบาท ธุรกิจหลายตัวต่อเนื่อง จึงมีการร่วมลงทุนอีก 10 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจและยังร่วมลงทุน 10 ล้านบาทในบริษัท PUNN intelligent เจ้าของแบรนด์ Peakengine ทำธุรกิจผลิตโปรแกรมบัญชีออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Cloud ที่ช่วย อำนวยความสะดวกการทำบัญชี
ขณะที่เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพที่จะร่วมลงทุนมีการอนุมัติเบื้องต้น 6 ราย วงเงินประมาณ 130 ล้านบาท โดยเป็นผู้ประกอบการในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ท่องเที่ยว ดิจิทัลมีเดีย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และฟินเทค และกิจการที่อยู่ระหว่างการพิจารณารวม 14 ราย คิดเป็นวงเงิน 865 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจ ฟินเทค 6 ราย วงเงิน 400 ล้านบาท ธุรกิจเทคโนโลยี 3 ราย วงเงิน 200 ล้านบาท ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 2 ราย วงเงิน 100 ล้านบาทและอื่น ๆ เช่น การศึกษา แฟชั่น รวม 3 ราย 165 ล้านบาท รวมเงินลงทุน 20 ราย 995 ล้านบาท
สำหรับการลงทุนของกองทุนดังกล่าวมีกลุ่มเป้าหมาย 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเอสเอ็มอี ระยะเริ่มต้นหรือ สตาร์ทอัพที่มีศักยภาพสูง กลุ่มเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพในการเติบโตโดยเฉพาะที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจที่เป็นประโยชน์ต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ กลุ่มเอสเอ็มอีที่เป็น supplier ธุรกิจภาครัฐและภาคเอกชนขนาดใหญ่หรือเป็นสมาชิกของสภาหอการค้าแห่งไทย หรือหน่วยงานภาครัฐและกลุ่มเอสเอ็มอี ที่เป็นกิจการเพื่อสังคม
นางสาวรุ่งทิพย์ เจริญวิสุทธิวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้ากลุ่มงานตลาดผู้ออกหลักทรัพย์ 2 ตลท. กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ความสำคัญในการพัฒนาตลาดทุนทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ โดยพร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐบาลขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการพัฒนาตลาดทุนให้เป็นประโยชน์แก่ทุกภาคส่วน ที่ผ่านมามีนโยบายส่งเสริมธุรกิจเอสเอ็มอี และสตาร์ทอัพให้มีความแข็งแรงและการเติบโตด้วยการให้ความรู้การกระตุ้นบุคลากรภาคตลาดทุนให้เห็นถึงความสำคัญด้านนวัตกรรมการสร้าง LiVE platform เพื่อเป็นช่องทางเข้าถึงแหล่งเงินทุน รวมถึงการร่วมมือกับธนาคารออมสินร่วมลงทุนในธุรกิจเอสเอ็มอี และสตาร์ทอัพผ่าน โครงการ SMEs Private Equity Trust Fund ที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งพร้อมเพิ่มโอกาสในการต่อยอดธุรกิจให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และสตาร์ทอัพ ซึ่งเป็นรากฐานการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต.-สำนักข่าวไทย