กระบี่ 28 มี.ค.-ศาลกระบี่ สั่งประหาร “บังฟัต” พร้อมพวกรวม 6 คน คดีฆ่ายกครัว 8 ศพ ส่วนจำเลยอีก 2 คนให้จำคุก
ศาลจังหวัดกระบี่ อ่านคำพิพากษาคดี “บังฟัต” พร้อมพวกรวม 8 คน เป็นจำเลยคดีสังหารยกครัวผู้ใหญ่วรยุทธ สังหลัง เสียชีวิต 8 ศพ หลังใช้เวลาอ่านคำพิพากษาเกือบ 3 ชั่วโมง ก่อนตัดสินให้ “บังฟัต” ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 และพวกคือจำเลยที่ 2,3,4,5,6 มีความผิดจริงตามฟ้อง และให้ลงโทษประหารชีวิต ส่วนจำเลยที่ 7 และ 8 ให้จำคุก
หลังเจ้าหน้าที่เรือนจำกระบี่ ควบคุมตัวจำเลยทั้ง 8 คน มาส่งยังศาลในเวลาราว 08.00 น. ทั้งหมดถูกควบคุมตัวเข้าไปในห้องพิจารณาคดีที่ 7 ทันที และเริ่มอ่านคำพิพากษาในเวลา 09.30 น. โดยมีญาติของจำเลยทั้ง 8 คน รวมถึงญาติของผู้ใหญ่วรยุทธ มาร่วมฟังการพิจารณาคดีนับร้อยคน แต่ศาลอนุญาตให้ญาติทั้งสองฝ่าย เข้าไปฟังการพิจารณาคดีได้เพียงรายละ 3 คน ส่วนที่เหลือทางศาลได้จัดห้องโถง พร้อมต่อลำโพงขยายเสียงให้ร่วมฟังการพิจารณาคดีบริเวณด้านนอก
ทั้งนี้ศาลเริ่มจากการอ่านพฤติการของจำเลยทั้ง 8 คนที่ร่วมกันลงมือก่อเหตุ โดยมีนายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์สกุล หรือบังฟัต เป็นจำเลยที่ 1 นายคมสรรค์ เวียงนนท์ เป็นจำเลยที่ 2 นายอับดุลเลาะ ดอเลาะ จำเลยที่ 3 นายอรุณ ทองคำ จำเลยที่ 4 นายประจักษ์ บุญทอย จำเลยที่ 5 นายธวัฒชัย จำนอง จำเลยที่ 6 นายธนชัย บุญคง จำเลยที่ 7 และนางชลิตา สังขโชติ จำเลยที่ 8 ที่รับสารภาพว่าได้แต่งกายด้วยชุดลายพราง เลียนแบบเจ้าหน้าที่ทหาร กระจายกำลังกันจับกุมตัวคนในบ้านขังไว้ตามห้องต่างๆ ก่อนจะบังคับให้นายวรยุทธ เซ็นโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ให้และบังคับขู่เอาเงินจากผู้ใหญ่วรยุทธ
เมื่อไม่ได้เงินจึงลงมือยิงสมาชิกในบ้านทีละคน และยิงผู้ใหญ่วรยุทธ เป็นคนสุดท้าย โดยมีนายอับดุลเลาะดอเลาะ จำเลยที่ 3 และนายคมสรรค์ เวียงนนท์ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ร่วมกันตามจับกุมตัวผู้ใหญ่วรยุทธที่วิ่งหนีได้ในตอนแรกกลับเข้ามาในบ้าน ก่อนจะให้บังฟัตเหนี่ยวไกจ่อยิงผู้ใหญ่วรยุทธ บริเวณศีรษะนับว่ามีเจตนาร่วมกันฆ่าโดยเจตนา และหลบหนีไปพร้อมกัน ทั้งนี้จากหลักฐาน เป็นที่แน่ชัดว่า เหตุการณ์เกิดตั้งแต่เวลา 17.00 น. กระทั่งสิ้นสุดเหตุการณ์ในเวลา 01.00 น.ของอีกวัน ศาลพิเคราะห์แล้วเชื่อว่า ระยะเวลาที่ยาวนานทำให้ผู้ร้องที่ 6 คือ นางอัญชลี จะสามารถจดจำเรื่องราวต่างๆ ได้ สอดคล้องกับที่จำเลยรับสารภาพ
ศาลจึงพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 1-6 ร่วมกันลงมือก่อเหตุฆ่าโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน อย่างโหดเหี้ยมอำมหิตผิดมนุษย์ ลงโทษตัดสินประหารชีวิต โดยไม่มีเหตุให้ลดโทษ
ขณะกระทำความผิด และหลังกระทำความผิด จำเลยที่ 1-6 รับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 7 คือนายธวัฒชัย บุญคง ถูกบังฟัต ชักชวนให้ขับรถมาให้ และขณะเกิดเหตุไม่ได้เข้าไปภายในบ้าน ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีเจตนาฆ่าและพยายามฆ่า จึงยกประโยชน์ให้กับจำเลยที่ 7 แต่มีความผิดฐานบุกรุกและร่วมกันปล้นชิงทรัพย์แก่ผู้ตาย ตัดสินให้คงจำคุก 19 เดือน ไม่รอลงอาญา ส่วนจำเลยที่ 8 คือนางชลิตา สังขโชติ ช่วยซ่อนเร้น ปกปิด ทรัพย์สินที่ปล้นมาจากผู้ตายที่ 2 คือภรรยาของผู้ใหญ่วรยุทธ ถูกฟ้อง รับของโจร ตัดสินจำคุก 1 ปี
ศาลยังมีความเห็นให้จำเลยที่ 1-6 ให้ชดใช้ค่าสินไหมแก่ผู้ร้องทั้ง 8 คน ซึ่งมีทั้งเงินที่ใช้ปลงศพและเงินที่ต้องขาดการอุปการะ ปีละ 60,000 บาท เป็นระยะเวลาแตกต่างกัน.-สำนักข่าวไทย