กทม.8 มี.ค.-รมว.แรงงาน เตรียมหารือร่วม คกก.พิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าว ถกปัญหาสแกนม่านตา และติดตามผลของศูนย์ OSS วันพรุ่งนี้ ขณะที่เช้านี้ รมว.แรงงานนำคณะทำบุญกระทรวงครั้งใหญ่ในรอบ 10ปี สร้างขวัญกำลังใจข้าราชการและขอให้การทำงาน เรื่องแรงงานต่างด้าวสำเร็จลุล่วงด้วยดี
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (9 มี.ค.)เวลา 09.30 น.กระทรวงจะหารือร่วมกับคณะกรรมการพิจารณาการเก็บข้อมูลพิสูจน์ตัวบุคคลของแรงงานต่างด้าว ซึ่งมีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานฯ ,กรรมการ และเลขานุการจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อพูดคุยถึงการพิสูจน์อัตลักษณ์แรงงานประมงและกิจการแปรรูปอาหารทะเล ที่ยังเหลือรอสแกนม่านตาอยู่เกือบ 9 หมื่นคน จากทั้งหมด 2 แสนคน รวมถึงประเด็นเรื่องการพิจารณาจัดซื้อเครื่องสแกนม่านตาเพื่อให้การพิสูจน์อัตลักษณ์แรงงานประมงเสร็จทัน 31 มี.ค.นี้
นอกจากนี้ยังติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานของศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ หรือ OSS ที่ขณะนี้ยังเหลือแรงงานต้องมาดำเนินการขึ้นทะเบียนประวัติและขออนุญาตทำงานอยู่ไทยต่อประมาณ1.3 ล้านคน จากทั้งหมด 2 ล้านคน จะหมดเขต 31 มี.ค.เช่นกัน พร้อมจะหารือเรื่องการผ่อนปรนกฎ กระทรวง ให้แรงงานสามารถไปดำเนินการที่ศูนย์ OOS จุดใกล้บ้านได้ทุกแห่ง โดยไม่กำหนดว่าเป็นจังหวัดในพื้นที่ที่ทำงานอยู่หรือไม่ รวมถึงเรื่องการพิสูจน์สัญชาติ ที่ยังเหลืออยู่ประมาณเกือบ 4 แสนคน และจะหมดเขตการดำเนินการ 30 มิถุนายนนี้
สำหรับการพิสูจน์อัตลักษณ์ มอบหมายให้กรมการจัดหางานปรับเเผนการสแกนม่านตาแรงงานในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ที่ยังเหลือแรงงานมากกว่า 6 หมื่นคนอย่างเร่งด่วน โดยย้ายเครื่องสแกนม่านตาจากพื้นที่ที่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว จำนวน 10 เครื่อง มาดำเนินการสแกนม่านตาช่วย จสกเดิม ที่มีอยู่แล้ว 2 เครือง พร้อมสั่งการให้เช่าเครื่องสแกนม่านตาจากเอกชนเพิ่มอีก 10 เครื่องเพื่อสำรองใช้ยามเครื่องเดิมพังหรือเสียหาย โดยจะทราบความชัดเจนในการเช่าเครื่องสแกนวันพรุ่งนี้
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าวันนี้(8 มี.ค.)เวลา 09.00 น.รมว.แรงงาน พร้อมปลัดแรงงาน นำคณะผู้บริหาร ทำพิธีบวงสรวงสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงแรงงานครั้งใหญ่และครั้งแรกในรอบ10 ปีของกระทรวง เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล อยู่เย็นเป็นสุข สร้างขวัญกำลังใจให้กับข้าราชการ เจ้าหน้าที่กระทรวง ที่สำคัญเพื่อให้การทำงาน โดยเฉพาะเรื่องแรงงานต่างด้าวลุล่วงไปด้วยดี เสร็จทันตามกำหนด หลังถูกกดดันจากสังคมอย่างหนัก .-สำนักข่าวไทย