“สมคิด” มั่นใจเศรษฐกิจไทยขาขึ้น

เซ็นทรัลเวิลด์  7 ก.พ. – รองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจมั่นใจเศรษฐกิจไทยเทคออฟแล้ว รัฐบาลพร้อมเดินหน้าเศรษฐกิจคู่ขนาน พัฒนาการลงทุนและดูแลเศรษฐกิจชุมชน  ส่งสัญญาณพรรคการเมืองขอให้ร่วมมือดูแลสถานการณ์สงบ เพื่อให้เศรษฐกิจโตต่อเนื่อง เร่งคิดนโยบายดี ๆ เตรียมไว้ให้ประชาชน

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาหัวข้อ “ไทยแลนด์ เทคออฟ” จัดโดยหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ โดยระบุถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทยว่าอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือเทคออฟแล้ว หลังจากช่วงที่ผ่านมารัฐบาลผลักดันนโยบายต่าง ๆ หลายด้าน เพื่อดูแลเศรษฐกิจไทยด้านต่าง ๆ ไม่มีปัญหาการทรุดตัว และจากการติดตามตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวพบว่าปรับตัวทิศทางที่ดีทั้งหมด โดยเฉพาะปัจจัยสำคัญเรื่องความเชื่อมั่นที่ดัชนีเชื่อมั่นล่าสุดปรับตัวสูงสุดในรอบ 3 ปี จะเป็นตัวกำหนดทิศทางหลายด้านไม่ว่าการลงทุน หรือการบริโภคภายในประเทศ

นายสมคิด กล่าวว่า หลังจากนี้รัฐบาลจะเดินหน้าผลักดันนโยบายเศรษฐกิจคู่ขนาน ในส่วนของการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อขับเคลื่อนตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ ไม่ว่าการส่งออกหรือลงทุนจะดำเนินการต่อไป ขณะเดียวกันจะเร่งพัฒนาเชื่อมโยงเศรษฐกิจชุมชนกับเศรษฐกิจหลักให้เกิดความเข้มแข็งผ่านนโยบายต่าง ๆ ไม่ว่าสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรอง เพื่อกระจายเม็ดเงินการท่องเที่ยวที่เคยกระจุกตัวเพียงบางจังหวัดให้ทั่วทั้งประเทศ ผลักดันการพัฒนาสินค้าโอทอปและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีความเข้มแข็งสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยยุคดิจิทัลที่จะมีส่วนสำคัญ ทำให้การค้าเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและเติบโตได้อย่างยั่งยืน 

ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี ย้ำว่าการเทคออฟเศรษฐกิจไทยขอให้ติดตามการจัดงานใหญ่ของรัฐบาลที่จะจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เดือนมีนาคมนี้ ใช้ชื่อว่า “ไทยแลนด์ เทคกิ้ง ออฟ ทูนิวไฮ” ซึ่งจะเป็นการสะท้อนภาพเศรษฐกิจที่จะเติบโตไปสู่อีกระดับเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนทุกมิติ 

ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรียังได้ส่งสัญญาณถึงกลุ่มการเมือง โดยระบุว่าขณะนี้เศรษฐกิจไทยกำลังเริ่มเติบโตได้ดี สิ่งสำคัญคือขอให้มีความสงบภายในประเทศและคนไทยไม่ทำในสิ่งที่เสมือนการทำร้ายตัวเอง  ดังนั้น ภาคการเมืองขอให้สบายใจว่ารัฐบาลไม่ได้มาเพื่อวัตถุประสงค์หาเสียงและมุ่งหวังไปเป็นประโยชน์เล่นการเมืองในอนาคต จึงขอให้ฝ่ายการเมืองร่วมมือกับรัฐบาลผลักดันเศรษฐกิจประเทศเดินหน้าได้และเร่งคิดนโยบายที่ดีเตรียมไว้เพื่อมอบให้แก่ประชาชนเมื่อการเลือกตั้งมาถึงในอนาคต.-สำนักข่าวไทย