สุราษฎร์ธานี 6 ก.พ.-เกาะสมุยถอนใบอนุญาตขายของ 2 สาวเสื้อกั๊กชมพู ที่ถูกนักท่องเที่ยวชาวสวีเดนร้องเรียกค่านวด-ตัดเล็บแพงมหาโหดรวมถึง 3,500 บาท ขณะที่เจ้าตัวเข้าชี้แจงที่สถานีตำรวจท่องเที่ยวเกาะสมุย ยืนยันไม่เป็นความจริง คิดแค่ 2,000 บาท และนักท่องเที่ยวก็ยินดีจ่าย
ที่สถานีตำรวจท่องเที่ยวเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี หญิงสาวเสื้อกั๊กชมพู 2 คน ที่ตกเป็นข่าวเรียกค่าบริการตัดเล็บมือเล็บเท้า และนวดหลัง แพงมหาโหดถึง 3,000 บาท และขู่รีดเงินค่าทิปอีก 500 บาท รวมเป็นเงิน 3,500 บาท เหตุเกิดที่ชายหาดละไม ต.มะเร็ต เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา มาเข้าพบและขอชี้แจงข้อเท็จจริง
น.ส.เอ (นามสมมุติ) สาวเสื้อกั๊กชมพูที่ตกเป็นผู้ก่อเหตุ ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตนเองตั้งใจทำงานและซื้อสัตย์ต่ออาชีพของตนเอง ในวันเกิดเหตุนักท่องเที่ยวชายคนนี้ได้มาใช้บริการตัดเล็บมือ เล็บเท้า ขัดส้นเท้า นวดตัว นวดเท้า โดยทางเราจะนำป้ายราคามาให้นักท่องเที่ยวดูพร้อมกับตอบตกลงที่จะใช้บริการ ตนเองทำหน้าที่นวดตัว ส่วนเพื่อนอีกคนหนึ่งทำหน้าที่ตัดเล็บ หลังจากให้บริการเสร็จก็คิดเงินค่าบริการไป 2,000 บาท และนักท่องเที่ยวรายนี้รู้สึกพอใจการบริการพร้อมให้เงินทิปเพิ่มอีกสองคนคนละ 500 บาท พร้อมกับบอกว่าจะพาภรรยามาใช้บริการ ซึ่งนักท่องเที่ยวคนนี้อารมณ์ดียิ้มแย้มตลอด ตนเองขอยืนยันเลยว่าไม่มีการล้อมหรือด่าทอนักท่องเทียวคนนี้แต่อย่างใด ตลอดเวลาที่ยึดอาชีพนี้มากว่า 10 ปี ไม่เคยมีปัญหากับนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด “เราทำงานซื่อสัตย์มาตลอด ” และทุกครั้งที่ทำงานก็จะแสดงป้ายราคาให้ลูกค้าดู ถ้าลูกค้าพอใจก็ทำ แต่ถ้าลูกค้าว่าแพงไปก็จะมีการต่อรองราคากัน ถ้าไม่ทำเช่นนี้ก็จะไม่มีลูกค้ามาใช้บริการเลย
ล่าสุด นายสุนทร ภู่ไพบูลย์ รองนายกเทศมนตรีนครเกาะสมุย ประชุมร่วมกับผู้ค้าบริเวณชายหาดละไม โดยได้ข้อสรุปบทลงโทษเหตุการณ์ครั้งนี้ ด้วยการให้ยกเลิกใบอนุญาตประกอบการเร่ขายของบนชายหาดละไมกับหญิงสาวทั้ง 2 คน.-สำนักข่าวไทย